Last updated: 8 ส.ค. 2566 | 49255 จำนวนผู้เข้าชม |
หลายคนอาจจะไม่เคยได้ยินคำว่า MCT Oil มาก่อน หรือคนที่กินอาหารคีโตที่จะรู้จักว่า MCT Oil คืออะไร ? หรือมีประโยชน์อย่างไร ? ทำไมถึงมีความสำคัญกับร่างกาย ซึ่ง MCT oil นี้มีประโยชน์สารพัดมากมาย ดีต่อสุขภาพ เพราะ MCT Oil เป็นไขมันชนิดหนึ่งที่มีประโยชน์ในเรื่องการลดน้ำหนัก ลดความความอ้วน ไม่เกิดการสะสมไขมันในร่างกาย จึงเป็นไขมันทางเลือกที่กำลังมาแรงที่ถูกนำมาประยุกต์ใช้ในอุตสาหกรรมอาหารเสริมจำนวนมาก ในบทความนี้เราจะพาทุกท่านไปรู้จักกับ MCT Oil เพื่อคลายความสงสัยว่า MCT Oil คืออะไร ? มีประโยชน์อย่างไร ? และแตกต่างจากไขมันทั่วไปอย่างไร ?
MCT Oil หรือชื่อเต็มคือ Medium Chain Triglyceride เป็นกรดไขมันอิ่มตัวสายกลาง หรือ Medium-chain fatty acids (MCFA) โดยกรดไขมันอิ่มตัวสายกลางนี้เป็นหนึ่งในกรดไขมันมันชนิดหนึ่ง ซึ่งเป็นกรดไขมันชนิดดีต่อสุขภาพ เป็นไขมันที่ไม่สะสมเป็นไขมันส่วนเกินในร่างกาย สามารถพบได้ใน น้ำมันมะพร้าว, น้ำมันปาล์ม โดยจะพบกรดเหล่านี้มากที่สุดในน้ำมันมะพร้าว จึงไม่เป็นเรื่องแปลกที่คนส่วนมากหันมารับประทานน้ำมันมะพร้าวกันมากขึ้น และนำมาประยุกต์ใช้ในการประกอบอาหาร เนื่องจากน้ำมันมะพร้าวอุดมไปด้วยกรด MCTs สูงที่สุด เมื่อไปเทียบกับน้ำมันชนิดอื่น ๆ เช่น น้ำมันพืช น้ำมันมะกอก หรือน้ำมันปาล์ม ดังนั้น MCT Oil จึงเป็นตัวเลือกที่กำลังน่าจับตามองในอุตสากรรมอาหารเสริมเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะในยุคที่คนกำลังเริ่มหันมาให้ความสำคัญกับสุขภาพ และการดูแลตนเอง
MCT Oil มีผลต่อการควบคุมฮอร์โมน ลดฮอร์โมนความหิว และเพิ่มอัตราการหลังฮอร์โมน Peptide YY และฮอร์โมนเลปติน (Leptin) ที่เป็นฮอร์โมนช่วยควบคุมความรู้สึกหิวในร่างกาย จึงส่งผลให้เมื่อเรากินอาหารจึงมีอาการอิ่ม และกินได้น้อยลง ทำให้อิ่มนานขึ้น ซึ่งมีการวิจัยที่ทำการศึกษาเปรียบเทียบในกลุ่มผู้ที่กิน MCT Oil และกลุ่มผู้ที่กินน้ำมันมะพร้าว 2 ช้อนโต๊ะพร้อมอาหารเช้า พบว่า ในกลุ่มผู้ที่ทาน MCT Oil จะมีแนวโน้มในการกินอาหารเที่ยงได้น้อยกว่าคนที่กินน้ำมันมะพร้าว
การกิน MCT Oil มีส่วนช่วยในการลดระดับคอเลสเตอรอลที่ไม่ดี และช่วยเพิ่มคอเลสเตอรอลที่ดี ซึ่งส่งผลต่อการช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคหลอดเลือดหรือโรคหัวใจได้ โดยมีงานวิจัยในกลุ่มผู้ป่วยชายที่มีน้ำหนักเกินเกณฑ์ 24 คนพบว่า เมื่อทานน้ำมัน MCT ควบคู่กับการทานไฟโตสเตอรอล และเมล็ดแฟลกซ์ จะทำให้คอเลสเตอรอลในร่างกายลดไปถึง 12.5%
เนื่องจากใน MCT Oil จะมีกรดสำคัญที่ชื่อ กรดคาไพรลิก ซึ่งกรดคาไพรลิกจะทำหน้าที่เป็นตัวเร่งพลังงาน และเป็นกรดไขมันสายที่สั้นที่สุด ทำให้กลายเป็นคีโตน ให้ร่างกายนำไปใช้เป็นพลังงานได้ทันที
หนึ่งในประโยชน์ของ MCT Oil เมื่อเทียบกับกรดไขมันชนิดอื่น ๆ รวมถึงน้ำมันมะพร้าวคือ MCT Oil สามารถถูกดูดซึมเข้าสู่ตับของเราได้โดยตรง โดยไม่ต้องพึ่งน้ำดีในการย่อยก่อนเพราะมีขนาดเล็กทำให้ดูดซึมได้ง่าย ร่างกายจึงสามารถนำไขมันนี้ไปใช้เป็นพลังงานได้อย่างรวดเร็ว และไม่สะสมทำให้เกิดไขมันส่วนเกิน
MCT Oil จะมีกรดสำคัญที่ชื่อ กรดคาพริก ซึ่งมีความสามารถในการยับยั้งการเจริญเติบโตของแบคทีเรีย และยีสต์ เช่น เชื้อราที่ทำให้เกิดโรคตามผิวหนังต่าง ๆ จากการทดลองในสัตว์ แต่การทดลองในคนนั้นยังไม่มีการศึกษาที่แน่ชัด
การกิน MCT Oil มีส่วนช่วยในการรักษาเบาหวานเนื่องจากช่วยลดไขมันสะสมในเส้นเลือดได้จากการไปช่วยเร่งการเผาผลาญไขมันในร่างกายให้กลายเป็นคีโตนและสร้างเป็นพลังงาน ซึ่งมีงานวิจัยทำการศึกษาการกิน MCT Oil ในกลุ่มผู้ป่วยเบาหวาน 40 คน พบว่า เมื่อทาน MCT Oil กลุ่มผู้ป่วยเบาหวานมีแนวโน้มของน้ำหนักตัว และภาวะอินซูลินลดลงด้วย แต่ก็ต้องควบคู่กับปัจจัยอื่น ๆ ด้วย เช่น ปริมาณการกิน
ถึงแม้ MCT Oil กับ น้ำมันมะพร้าวจะมีความคล้ายคลึงกันแต่ยังมีความแตกต่างกันอยู่ในเรื่องความสามารถในการช่วยลดน้ำหนัก และสารอาหาร โดยน้ำมันมะพร้าวจะเป็นน้ำมันที่ถูกสกัดออกมาจากเนื้อมะพร้าว และมีกรดไขมันอยู่หลายชนิดเป็นองค์ประกอบ คือ MCT, LTC และพวกกรดไขมันไม่อิ่มตัวอยู่ ซึ่งบางตัวถือเป็นกรดไขมันชนิดไม่ดีต่อร่างกายแต่ก็มีจำนวนน้อยกว่าน้ำมันชนิดอื่น ๆ และมีความเข้มข้นของ MCT เพียง 62-65% แต่ MCT Oil จะถูกสกัดแยกเฉพาะกรดไขมันอิ่มตัวสายกลางออกมาจากน้ำมันมะพร้าวอีกทีเพียงชนิดเดียว จึงทำให้มีกรดไขมันอิ่มตัวสายกลางเข้มข้นถึง 100% ซึ่งดีต่อสุขภาพมากกว่าและไม่มีกลิ่น ไม่มีรส จึงทำให้กินง่าย และเหมาะสำหรับคนที่ต้องการกินคีโตหรือนำไปผสมกับกาแฟดำได้
กรดไขมันหรือ Fatty Acid ในน้ำมันจะแบ่งออกเป็น 3 กลุ่มโดยแยกตามโครงสร้างความยาวของสายโซ่คาร์บอนในกรดไขมัน ประกอบไปด้วย
short-chain fatty acids (SCFA)
Medium-chain fatty acids (MCFA)
Long-chain fatty acids (LCFA)
โดย MCT Oil จะจัดเป็น Medium-chain fatty acids หรือมีโครงสร้างที่เป็นกรดไขมันอิ่มตัวสายกลางอย่างเดียวแบบ 100%
MCT Oil ก็คือกรดไขมันอิ่มตัวสายกลางที่มีจำนวนคาร์บอนสายโซ่ประมาณ 6-12 อะตอม ซึ่งมีความยาวน้อยกว่าไตรกลีเซอร์ไรด์ทั่วไป โดยความยาวที่น้อยกว่านี้จึงทำให้ MCT Oil มีความสามารถในการดูดซึม และย่อยได้รวดเร็วกว่า และถูกนำไปใช้เป็นพลังงานในร่างกายได้ทันที ไม่เกิดการสะสม ดังนั้นในผลิตภัณฑ์ MCT Oil ที่วางขายกันจะมีตัวเลขสัญลักษณ์ระบุอยู่กับสินค้า ซึ่งเป็นตัวบอกชนิดของ MCT Oil ว่าเป็นน้ำมันที่มีกรดชนิดไหนอยู่ตามลักษณะจำนวนอะตอมของคาร์บอนที่พบในไขมันชนิดนี้
จำนวนอะตอมของคาร์บอนในไตรกลีเซอไรด์จะเป็นตัวที่คอยกำหนดความสามารถในการพาร่างกายเข้าสู่กระบวนการสร้างพลังงาน ซึ่งยิ่งจำนวนสายโซ่สั้นเท่าไหร่ ก็จะมีความสามารถในการย่อยเพื่อสร้างพลังงานได้เร็วขึ้นเท่านั้น เนื่องจากความยาวสายโซ่ในน้ำมัน MCT Oil มีความยาวสั้นกว่ากรดไขมันอื่น จึงเป็นแหล่งในการสร้างพลังงานจากไขมันที่ร่างกายเราเลือกใช้ ซึ่งในทั่วไปกรดไขมันที่เราพบใน MCT Oil จะมีอยู่ 4 ชนิดตามจำนวนคาร์บอนคือ C6, C8, C10, C12 ตามลำดับ
C12 หรือ กรดลอริก (Lauric acid) เป็นกรดไขมันชนิดอิ่มตัวที่มีจำนวนคาร์บอน 12 อะตอม มีลักษณะเหมือน LCT คือ มีความสามารถในการย่อย และดูดซึมที่ช้า เราจึงไม่ค่อยเห็นกรดลอริกในผลิตภัณฑ์ที่ขายหรือในน้ำมัน MCT Oil
C10 หรือ กรดคาพริก (Capric acid) เป็นกรดไขมันชนิดอิ่มตัวที่มีจำนวนคาร์บอน 10 อะตอม ซึ่งกรดคาพริกถือเป็นกรดไขมันอิ่มตัวที่มีรูปแบบที่สั้นที่สุดอันดับสอง ดังนั้นจึงใช้เวลาในการทำหน้าที่ในการเปลี่ยนคีโตนนานขึ้นกว่ากรดไขมันชนิดอื่นก่อนหน้านี้เล็กน้อย แต่ราคาจะไม่สูงกว่าตัวก่อนหน้านี้ ผู้ผลิตส่วนใหญ่จึงนิยมนำกรด C10 ไปผสมกับ C8 แล้วจำหน่าย เพื่อให้สินค้าราคาไม่แพงจนเกินไป
C8 หรือ กรดคาไพรลิก (Caprylic acid) เป็นกรดไขมันชนิดอิ่มตัวที่มีจำนวนคาร์บอน 8 อะตอม ซึ่งเป็นตัวที่เราสามารถพบเห็นได้บ่อย อีกทั้งยังเป็น MCT Oil ที่ดีที่สุดในการทำหน้าที่ผลิตคีโตน และช่วยเร่งการเผาผลาญ สำหรับคนที่กินคีโต หรือลดน้ำหนัก ด้วยการที่กรดคาไพรลิกมีความสำคัญมาก ราคาของไขมันชนิดนี้จึงมีราคาที่สูงมากด้วย ตามความเข้มข้นที่วางขาย
C6 หรือ กรดคาโพรอิก (Caproic acid) เป็นกรดไขมันอิ่มตัวที่มีจำนวนคาร์บอน 6 อะตอม ซึ่งเป็นกรดที่มีจำนวนน้อยที่สุดเพียง 1% จึงไม่ค่อยมีความสำคัญในการช่วยลดน้ำหนัก ยังมีกลิ่น และรสชาติที่ไม่ค่อยพึงประสงค์อีกด้วย
วิธีการกิน MCT Oil ที่ทาง Derma Health แนะนำควรกิน MCT Oil ตอนที่ท้องว่าง หรือกินก่อนอาหาร เพื่อตอนที่ท้องเราว่างร่างกายของเรายังอยู่ในกระบวนการเผาผลาญไขมันเป็นพลังงาน หรือที่เรียกว่า คีโตสิส จึงทำให้ร่างกายมีการดูดซึมได้ดีกว่าหลังกินอาหาร หรือเพื่อให้มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น แนะนำให้รับประทานก่อนออกกำลังกาย 10-15 นาที เพื่อเพิ่มการเผาผลาญไขมันสำหรับคนต้องการลดน้ำหนัก
ปริมาณที่แนะนำในการกิน MCT Oil ต่อวันคือการกินทีละน้อย ๆ โดยเริ่มจากครั้งละ 1 ช้อนช้า และเพิ่มไปจนถึงกินครั้งละ 1 ช้อนโต๊ะ โดยผสมกับชาหรือกาแฟดำ การเริ่มทาน MCT Oil ในช่วงแรกปริมาณน้อย ๆ เนื่องจาก MCT Oil อาจมีฤทธิ์ทำให้ถ่ายท้องในบางรายได้ และไม่ควรกิน MCT Oil เกินวันละ 2 ช้อนโต๊ะ เนื่องจากหากกินมากเกินไปอาจจะส่งผลข้างเคียงหรือโทษได้ โดยมีงานวิจัยชิ้นหนึ่งพบว่า กลุ่มคนที่รับประทาน MCT Oil วันละ 6 กรัม อาจจะทำให้ฮอร์โมนหิวหรือ ฮอร์โมนเกรลิน (Ghrelin Hormone) มีความผิดปกติไป อาจจะไปกระตุ้นทำให้เราหิวมากกว่าเดิม
MCT Oil แบบน้ำมันจะมีสารอาหารที่มีความเข้มข้นสูงมาก สะดวกในการกินสำหรับคนกินแล้วเกิดอาการท้องเสีย สามารถปรับขนาดปริมาณการกินได้ และยังเหมาะสำหรับคนที่เริ่มต้นทานได้ โดยสามารถกินเริ่มต้นในปริมาณน้อย ๆ ได้ ด้วยลักษณะที่เป็นของเหลวจึงสามารถกินผสมในสลัดได้ หรือผสมลงในน้ำซุปได้ แต่ข้อเสียของ MCT Oil แบบน้ำมันคือ พกพาไม่ค่อยสะดวกเนื่องจากเป็นน้ำมัน และเนื้อสัมผัสคล้ายน้ำมันจึงทำให้คนที่กินบางคนไม่ชอบ หรือนำไปผสมกับผลิตภัณฑ์ที่เป็นผง เช่น คอลลาเจน ค่อนข้างยาก
MCT Oil แบบเม็ด หรือแบบแคปซูลซอฟท์เจล มีข้อดีคือจะไม่มีกลิ่น และรสชาติเมื่อกินเข้าไป พกพาง่ายไม่เลอะเทอะ เพราะว่าตัวน้ำมันถูกห่อหุ้มไว้ด้วยแคปซูล แต่ข้อเสียของ MCT Oil แบบเม็ดคือ อาจจะกลืนยาก และรูปแบบนี้อาจจะต้องใช้เวลาในการดูดซึมกว่ารูปแบบอื่น
MCT Oil แบบผง มีข้อดีคือ สะดวกสบายในการใช้งาน รวมถึงการพกพาได้ง่ายเพราะไม่ได้ให้รสสัมผัสเหมือนน้ำมัน เมื่อกินเข้าไปแล้วย่อยได้ง่าย และไม่เกิดผลข้างเคียง สามารถใช้เป็นส่วนผสมในเบเกอรี่ได้ และให้รสสัมผัสครีมมี่เมื่อผสมในชาหรือกาแฟ อีกทั้งยังสามารถผสมกับคอลลาเจนได้หรืออาหารเสริมอื่น ๆ ได้ง่ายอีกด้วย
สรุปแล้ว MCT Oil ถือเป็นเทรนด์อาหารเสริมอีกทางเลือกหนึ่ง และเป็นที่นิยมสำหรับคนต้องการลดน้ำหนัก หรือทานคีโตในยุคนี้แทนการกินน้ำมันมะพร้าว น้ำมันมะกอก น้ำมันจากอะโวคาโด เพราะด้วยคุณประโยชน์มากมายที่นอกจากจะช่วยลดหุ่นอย่างเดียวแล้วยังดีต่อสุขภาพ มีแคลอรีที่ต่ำ และไม่มีผลข้างเคียงเกิดขึ้นอีกด้วย หากรับประทานแต่พอดีตามคำแนะนำการกิน MCT Oil จึงเหมาะสำหรับคนที่ออกกำลังกายต้องการเร่งการเผาผลาญ ลดหุ่น หรือคนที่รักสุขภาพเป็นอย่างยิ่ง
Derma Health โรงงานผลิตอาหารเสริมลดน้ำหนัก สะอาด ปลอดภัย มีคุณภาพ ได้มาตรฐาน GMP ควบคุมการผลิตโดยเภสัชกรและทีมนักวิทยาศาสตร์ผู้เชี่ยวชาญด้านอาหารเสริมโดยเฉพาะ รวมถึงนวัตกรรมเครื่องจักรที่ใช้ในการผลิตที่ทันสมัย ประสิทธิภาพสูง การันตีคุณภาพ และมาตรฐานความปลอดภัยระดับสากล ในทุกขั้นตอนการผลิต
13 พ.ค. 2567
6 พ.ค. 2567
13 พ.ค. 2567
2 พ.ค. 2567