วิธีทานอาหารเสริมที่ถูกต้อง ทานอย่างไรให้ปลอดภัยและเห็นผล

Last updated: 23 พ.ย. 2565  |  12485 จำนวนผู้เข้าชม  | 

วิธีทานอาหารเสริมที่ถูกต้อง ทานอย่างไรให้ปลอดภัยและเห็นผล

ปัจจุบันการรับประทานวิตามินหรืออาหารเสริม ถือว่าเป็นเทรนด์ใหม่ที่เริ่มเข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันของเรามากขึ้น มีวิตามินเสริมและอาหารเสริมหลากหลายแบรนด์ให้เลือกรับประทาน แต่หลาย ๆ คนอาจยังไม่ทราบว่าวิธีทานอาหารเสริมที่ถูกต้อง หรือวิธีกินอาหารเสริมให้ได้ผลนั้นมีขั้นตอนการกินอย่างไร เพื่อให้เกิดความเข้าใจในการรับประทานอาหารเสริมและวิตามินอย่างถูกวิธี และไม่ก่อให้เกิดผลข้างเคียงตามมา Derma Health จะพามาดู 6 วิธีทานอาหารเสริมที่ถูกต้อง กินอย่างไรให้ปลอดภัยและได้ผล

 

1. อ่านฉลากทุกครั้งก่อนกินอาหารเสริม

ก่อนการรับประทานอาหารเสริมทุกครั้ง ขั้นตอนแรกที่ควรทำคืออ่านฉลากบนผลิตภัณฑ์อาหารเสริมทุกครั้งทั้งก่อนซื้อและบริโภค รวมถึงควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการรับรองจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ผลิตโดยบริษัทที่ได้มาตรฐาน หลังจากนั้นควรตรวจสอบส่วนผสม ปริมาณสารอาหารที่บรรจุ ไม่ควรเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ที่มีปริมาณสารอาหารมากเกินความจำเป็นเพราะอาจทำให้ร่างกายขับสารอาหารส่วนเกินออกมา

โดยเคล็ดลับสำหรับผู้ที่ต้องการหลีกเลี่ยงปัญหาสุขภาพต่าง ๆ สามารถสังเกตส่วนผสม หรือโภชนาการบนฉลากผลิตภัณฑ์ได้ดังนี้

  • คนที่ต้องการควบคุมน้ำหนัก ควรมองหาอาหารเสริมที่มีพลังงานต่ำ ควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีไขมันอิ่มตัวไม่เกิน 5% เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดโรค

  • คนที่ต้องการเสริมวิตามินและเกลือแร่ ควรดูปริมาณเปอร์เซ็นต์ของวิตามินและเกลือแร่ให้มีปริมาณมากกว่า 20% ของปริมาณที่ควรได้รับต่อวันสำหรับหนึ่งหน่วยบริโภค

  • คนที่มีปัญหาในการขับถ่าย ควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีใยอาหารมากกว่า 20% ของปริมาณที่ควรได้รับต่อวันสำหรับหนึ่งหน่วยบริโภค เพื่อเติมใยอาหารที่มีส่วนช่วยในการขับถ่าย โดยหนึ่งวันเราควรได้รับใยอาหารอย่างน้อย 25 กรัมต่อวัน


2. กินอาหารเสริมให้เหมาะสมกับร่างกาย ไม่ทานแทนยา

การรับประทานอาหารเสริมแต่ละชนิด แต่ละประเภท และแต่ละยี่ห้อมีวิธีรับประทานที่แตกต่างกัน จึงควรศึกษาฉลากผลิตภัณฑ์อาหารเสริมอย่างละเอียด รวมถึงศึกษาวิธีการกินวิตามินแต่ละชนิดให้เหมาะสมว่า วิตามินชนิดไหนควรทานเวลาใด เพื่อให้เกิดผลลัพธ์ที่ดี ไม่มีผลข้างเคียง เช่น การกินวิตามินรวมอาจกินตอนเช้าแค่ครั้งเดียว แต่อาหารเสริมบางประเภทอาจต้องกินวันละ 2-3 ครั้ง เป็นต้น

นอกจากนี้เราไม่ควรกินอาหารเสริมแทนยา หรือกินอาหารเสริมเพื่อรักษาการป่วย เพราะอาหารเสริมเป็นเพียงแค่สารอาหารเสริมจากมื้อหลักเท่านั้น การบริโภคอาหารเสริมแทนยาอาจเกิดผลข้างเคียงที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพของผู้บริโภคได้ 

ตัวอย่างการรับประทานอาหารเสริมเพื่อผิวกระจ่างใสชนิดแคปซูล

C Cap Skin Supplement ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมที่ช่วยบำรุงผิวให้แข็งแรง กระจ่างใส ริ้วรอย และจุดด่างดำแลดูจางลง ด้วยคุณค่าจากสารต้านอนุมูลอิสระนานาชนิด ไม่ว่าจะเป็น Rosehip สารสกัดส้มสีเลือด หรือ Resveratrol ที่ได้จาก Grape skin มีคุณสมบัติในการบำรุงผิวให้ผิวกระจ่างใสแบบมีสุขภาพดี อีกทั้งยังมี Ascorbic acid หรือวิตามินซี ที่ช่วยเสริมภูมิคุ้มกัน ป้องกันไข้หวัดและการเกิดอนุมูลอิสระ 

วิธีรับประทาน : ควรรับประทานครั้งละ 1 เม็ด ก่อนรับประทานอาหาร 

 

ตัวอย่างการรับประทานอาหารเสริมเพื่อผิวกระจ่างใสชนิดผงชงดื่ม

Gluta Placenta Collagen ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเพื่อความอ่อนเยาว์ ชนิดผงชงดื่ม ประกอบไปด้วยสารสกัดจากธรรมชาติ Collagen HACP คอลลาเจนหน่วยเล็กที่สุด ช่วยบำรุงผิวและเติมคอลลาเจนให้แก่ผิว เติมเต็มริ้วรอยร่องลึกแก่ผิว และยังอุดมไปด้วยกรดอะมิโนที่จำเป็นต่อผิว ช่วยให้ผิวดูสุขภาพดี ผิวกระจ่างใสด้วย สารสกัดจาก Strawberry สีขาว 

วิธีรับประทาน : นำผลิตภัณฑ์ 1 ซองผสมน้ำ 150 มล. ผสมให้เข้ากันแล้วดื่มทันที และควรรับประทานก่อนอาหารเช้า 15 นาที

 

3. เลือกช่วงเวลาที่เหมาะสมในการทานอาหารเสริมแต่ละประเภท

สำหรับวิธีทานอาหารเสริมที่ถูกต้องในแต่ละประเภทนั้นควรเลือกช่วงเวลาที่เหมาะสมด้วย โดยช่วงเวลาสำหรับการรับประทานวิตามิน คือ 

  • ควรทานพร้อมอาหารและหลังอาหารเพื่อการดูดซึมที่ดีที่สุด
  • ถ้าหากว่าต้องรับประทานวิตามินหรืออาหารเสริมในมื้อเดียว ควรเลือกมื้อที่ใหญ่ที่สุดของวัน หรือแบ่งครึ่งทานหลังอาหารเช้าและหลังอาหารเย็นก็ได้เช่นกัน

ทั้งนี้การกินอาหารเสริมตามคำแนะนำบนฉลากผลิตภัณฑ์ของอาหารเสริมแต่ละประเภทก็เป็นอีกหนึ่งวิธีที่ควรปฏิบัติตาม

  อาหารเสริมวิตามินกลุ่มละลายได้ดีในไขมัน

อาหารเสริมวิตามิน ชนิดวิตามิน A, D, E และ K ควรทานพร้อมมื้ออาหารที่มีไขมันเพราะเป็นกลุ่มวิตามินที่ละลายได้ดีในไขมัน

 

  อาหารเสริมวิตามินกลุ่มละลายได้ดีในน้ำ

วิธีการกินวิตามิน B รวม และวิตามิน C ควรรับประทานพร้อมอาหารเช้า กลางวัน เย็น เพื่อให้วิตามินอยู่ในระดับสูงตลอดวัน

 

  อาหารเสริมวิตามินผสมแร่ธาตุรวม

อาหารเสริมวิตามินผสมแร่ธาตุรวมควรทานหลังอาหารเช้า เนื่องจากประกอบไปด้วยกลุ่มวิตามินที่ละลายได้ดีทั้งในน้ำและไขมัน

 

  อาหารเสริมแคลเซียม

การรับประทานอาหารเสริมแคลเซียมให้ได้ประโยชน์และถูกวิธีคือ ควรรับประทานพร้อมอาหาร แต่ถ้าหากมื้ออาหารมีแคลเซียมสูงอยู่แล้ว อาจจะต้องลดปริมาณการทานอาหารเสริมกลุ่มแคลเซียมลง เพราะถ้าหากรับประทานแคลเซียมมากเกินไปอาจทำให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพได้

 

  อาหารเสริมกลูต้าไธโอน

วิธีทานอาหารเสริมกลูต้าไธโอน หรือกลุ่มอาหารเสริมผิวขาวต่าง ๆ ควรรับประทานตอนเช้า หรือตอนท้องว่าง เพราะอาหารเสริมกลุ่มนี้ประกอบไปด้วยกลุ่มกรดอะมิโนจากคอลลาเจนและวิตามินที่ละลายในน้ำได้ดี

 

  อาหารเสริมธาตุเหล็ก

วิธีรับประทานอาหารเสริมธาตุเหล็กควรทานพร้อมน้ำผลไม้ที่มีวิตามิน C เนื่องจากธาตุเหล็กจะดูดซึมได้ต้องอาศัยวิตามิน C ช่วยด้วยนั่นเอง

 

  อาหารเสริมกรดอะมิโนต่าง ๆ

การรับประทานอาหารเสริมกรดอะมิโนต่าง ๆ ควรรับประทานตอนท้องว่าง เพื่อช่วยให้ร่างกายสามารถดูดซึมและนำไปใช้ได้ดีที่สุด

 

  อาหารเสริมน้ำมันอีฟนิ่งพริมโรส

วิธีกินอาหารเสริมกลุ่มน้ำมันอีฟนิ่งพริมโรสไม่ควรรับประทานพร้อมอาหารเสริมกลุ่มวิตามิน E เนื่องจากน้ำมันอีฟนิ่งพริมโรสก็ให้วิตามิน E ด้วยเช่นกัน อาจทำให้ร่างกายได้รับวิตามิน E มากเกินไป และทำให้หัวใจทำงานหนักได้

 

  อาหารเสริมน้ำมันปลา

อาหารเสริมประเภทน้ำมันปลาห้ามรับประทานร่วมกับยาแอสไพริน เพราะน้ำมันปลามีสรรพคุณคล้ายคลึงกันกับยาแอสไพรินทำให้เลือดใส ไหลเวียนดี และไม่เหนียว หากรับประทานคู่กันและมากเกินไปอาจเกิดอาการเลือดไหลไม่หยุดเมื่อมีบาดแผลหรือผ่าตัดได้

 

4. กินอาหารเสริมในปริมาณที่เหมาะสม

การรับประทานอาหารเสริมให้ถูกวิธีสำหรับบุคคลทั่วไป ที่ต้องการบริโภคอาหารเสริมเนื่องจากขาดสารอาหาร หรือทานให้ได้ประโยชน์ ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อน หรือควรศึกษาข้อมูลอาหารเสริมที่ต้องการบริโภคให้ถี่ถ้วนก่อนเสมอ เพราะสารอาหารที่มากเกินพอดีอาจทำให้เกิดผลข้างเคียงที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพได้ เพราะไม่ใช่สารอาหารทุกตัวที่จะได้รับการรับรองความปลอดภัยแม้จะผ่านการทดลองในห้องปฏิบัติการมาแล้วก็ตาม ดังนั้นการรับประทานอาหารเสริมแต่ละชนิดจะปลอดภัยก็ต่อเมื่อผู้บริโภคกินอาหารเสริมอย่างถูกวิธี และในปริมาณที่เหมาะสม

นอกจากนี้วิตามินหรืออาหารเสริมบางชนิดต้องทานต่อเนื่องเป็นระยะเวลานาน เพื่อให้เห็นผลลัพธ์อย่างชัดเจน แต่ทั้งนี้ก็ควรเว้นระยะพักด้วยเพื่อป้องกันไม่ให้ร่างกายได้รับสารอาหารบางชนิดมากจนเกินไป

ตัวอย่างผลข้างเคียงจากการบริโภคอาหารเสริมมากเกินไป

  • วิตามิน B จะตกตะกอนที่ไต จนอาจมีโอกาสเกิดนิ่วที่ไตได้

  • วิตามิน A อาจมีผลต่อตับและสมอง รวมทั้งมีการคลื่นไส้อาเจียนได้

  • แคลเซียม อาจเพิ่มความเสี่ยงเผชิญภาวะแคลเซียมในเลือดสูง (Hypercalcemia) ซึ่งนำไปสู่การเกิดอาการปวดท้อง คลื่นไส้ อาเจียนได้


5. การทานอาหารเสริมประเภทต่าง ๆ ควบคู่กัน

วิตามิน A วิตามิน C และวิตามิน E รวมถึงซิลีเนียม เป็นกลุ่มวิตามินที่ให้ผลลัพธ์เรื่องการเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งการทานให้ได้ผลดีที่สุดควรทานวิตามินเสริมคู่กับผักผลไม้สด เช่น ลูกพรุน องุ่น ผลไม้ชนิดเบอร์รี่ ฝรั่ง ส้ม ผักโขม ผักบุ้ง และบรอกโคลี เป็นต้น


วิธีทานอาหารเสริมเบตาแคโรทีนให้ได้ผล จะช่วยรักษาภาวะความเสื่อมถอยของร่างกาย ควรทานคู่กับผักผลไม้สีส้มหรือสีเหลือง แต่ทั้งนี้ควรอยู่ภายใต้คำแนะนำของแพทย์


คอลลาเจนเป็นอาหารเสริมที่ดูดซึมได้ยาก ดังนั้นจึงควรทานคู่กับวิตามินซี เพื่อจะได้เสริมการดูดซึมและเสริมการเรียงตัวของคอลลาเจนให้สมบูรณ์ 

 

6. ผู้มีโรคประจำตัว ผู้ที่กำลังตั้งครรภ์หรือให้นมบุตรควรปรึกษาแพทย์ก่อน

วิธีกินวิตามินที่ถูกต้องสำหรับผู้ที่กำลังวางแผนมีบุตร ตั้งครรภ์ หรือให้นมบุตร ต้องระมัดระวังในการรับประทานอาหารเสริมอย่างยิ่ง เพราะสารเคมีที่ร่างกายได้รับอาจส่งต่อไปยังบุตรได้ และอาจทำให้เกิดผลข้างเคียงที่เป็นอันตรายต่อทารก รวมถึงผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคตับ โรคไต โรคหัวใจ โรคเบาหวาน ควรปรึกษาแพทย์ก่อนกินอาหารเสริมทุกครั้ง เพราะอาจมีผลข้างเคียงต่อสุขภาพและส่งผลกับยาที่ใช้ได้

โรงงานรับผลิตอาหารเสริมมาตรฐานสากล Derma Health เราเชี่ยวชาญการผลิตอาหารเสริมและพัฒนาในรูปแบบ ORM (Original Research Manufacturer) เพื่อสร้างผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ โดดเด่นด้วยนวัตกรรมการผลิต การนำเข้าสารสกัดจากทั่วโลก รวมถึงสารสกัดสำคัญที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูง พร้อมทีมการตลาดและทีมออกแบบมืออาชีพที่ช่วยให้ลูกค้าสามารถแข่งขันกับผลิตภัณฑ์อื่นในท้องตลาดได้

 

 

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้