Last updated: 15 ธ.ค. 2565 | 1233 จำนวนผู้เข้าชม |
ร่างกายของเรามีกรดอะมิโนเป็นส่วนประกอบประมาณ 20 % หรือหากนับเฉพาะมวลกายที่เป็นของแข็งจะมีกรดอะมิโนอยู่มากถึง 50 % กรดอะมิโนจึงนับเป็นส่วนประกอบที่ใหญ่ที่สุดในร่างกายรองจากน้ำเลยทีเดียว และหลังจากที่เรารับประทานอาหารประเภทโปรตีนเข้าไปแล้ว ร่างกายจะทำการย่อยสลายให้กลายเป็นกรดอะมิโนเพื่อนำไปใช้ประโยชน์ เช่น ซ่อมแซมเนื้อเยื่อ ช่วยให้เซลล์เจริญเติบโต ช่วยในการย่อยอาหาร และใช้เป็นพลังงานในร่างกาย
กรดอะมิโน คือ ชีวโมเลกุลที่มีทั้งหมู่ฟังก์ชันอะมิโน และคาร์บอกซิลิกเป็นส่วนประกอบ กรดอะมิโนเป็นองค์ประกอบสำคัญของโปรตีน ซึ่งเป็นส่วนประกอบสำคัญที่มีอยู่ในสิ่งมีชีวิตทุกชนิด
กรดอะมิโน คือ หน่วยที่เล็กที่สุดของโปรตีนที่ร่างกายสามารถดูดซึมไปใช้ประโยชน์ ดังนั้นเมื่อร่างกายได้รับอาหารที่มีโปรตีน ร่างกายจะนำโปรตีนไปย่อยสลายให้กลายเป็นกรดอะมิโน
กรดอะมิโนจำเป็นต่อสิ่งมีชีวิตทุกชนิด ตั้งแต่จุลินทรีย์จนถึงมนุษย์ สิ่งมีชีวิตทั้งหมดมีกรดอะมิโน 20 ชนิดเหมือนกัน โดยกรดอะมิโนที่เป็นหน่วยย่อย 20 ชนิดนี้ สามารถประกอบกันเป็นโปรตีนได้มากถึง 100,000 ชนิด หากได้รับกรดอะมิโนน้อยเกินไปจะส่งผลต่อการเจริญเติบโต เกิดอาการอ่อนเพลีย ปวดเมื่อยตามตัว อาจเกิดอาการเบื่ออาหาร มีภูมิต้านทานต่ำ ติดเชื้อง่าย และก่อให้เกิดโรคต่าง ๆ ขึ้น
กรดอะมิโนเป็นสิ่งจำเป็นต่อร่างกาย มีหน้าที่ให้พลังงานและกำจัดสิ่งแปลกปลอมที่เข้าสู่ร่างกายโดยตรง เพราะกรดอะมิโนเป็นส่วนประกอบสำคัญของเม็ดเลือด กล้ามเนื้อ เนื้อเยื่อ ฮอร์โมน และเอนไซม์ ดังนั้นจึงมีบทบาทสำคัญในด้านต่าง ๆ ดังต่อไปนี้
ด้านสุขภาพ
หน้าที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งของกรดอะมิโน คือ การให้พลังงานแก่ร่างกาย สร้างความสมดุลในการทำงานของร่างกาย ปกติร่างกายที่แข็งแรงจะได้รับคาร์โบไฮเดรตที่เป็นแหล่งพลังงานจากการกินอาหาร แต่โปรตีนและกรดอะมิโนสามารถใช้เป็นทางเลือกสุดท้ายได้เมื่อแหล่งพลังงานหลัก ๆ ของร่างกายหมดลง เนื่องจากการขาดอาหาร หรือใช้พลังงานมากเกินไป
ด้านโภชนาการ
กรดอะมิโนเป็นส่วนประกอบสำคัญของร่างกายมนุษย์ และมีบทบาทสำคัญต่อโภชนาการของมนุษย์เช่นกัน ร่างกายจะไม่สามารถดำรงอยู่ได้หากขาดกรดอะมิโนที่จำเป็นต่อกล้ามเนื้อ ผม เล็บ และผิวหนัง เช่นเดียวกับฮอร์โมน และระบบภูมิคุ้มกันของมนุษย์ การบริโภคกรดอะมิโนจึงจำเป็นต่อการซ่อมแซมกล้ามเนื้อเมื่อขาดโปรตีน ทั้งยังมีบทบาทสำคัญต่อการเจริญเติบโตของร่างกาย ความชรา และการทำกิจกรรมต่าง ๆ ของร่างกายด้วย
ด้านอาหาร
กรดอะมิโนเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้อาหารประเภทโปรตีนมีรสชาติ การรวมกันของกรดอะมิโนในรูปแบบต่าง ๆ จะเป็นตัวกำหนดรสชาติที่ลิ้นของคนเราสามารถรับรู้ได้ กรดอะมิโนที่รู้จักกันดีที่สุดเกี่ยวกับการรับรสคือ กลูตาเมต (Glutamic Acid) หรือที่เราเรียกว่ารส “อูมามิ” นั่นเอง
ด้านการแพทย์
แอล-อาร์จีนีน แอล-กรดแอสปาติก และ แอล-กรดกลูตามิก เป็นสารประกอบที่มีกรดอะมิโน และมีประสิทธิภาพในการรักษาโรคทางสมองที่เกี่ยวข้องกับแอมโมเนียในเลือดสูง (Hyperammonemia) และ โรคตับ (Hepatic disorder) ฃส่วนสารประกอบอะมิโนกลุ่มโพแทสเซียม หรือ แมกนีเซียม แอล-แอสปาเตต จะช่วยลดการเกิดหัวใจล้มเหลว และโรคตับ ซีสเตอีน ใช้ป้องกันเนื้อเยื่อจากการ oxidation หรือ inactivation และสามารถช่วยป้องกันการบาดเจ็บจากรังสีได้
กรดอะมิโนมีความจำเป็นต่อร่างกายมนุษย์ และยังเป็นส่วนประกอบที่สำคัญรองจากน้ำ เราจึงควรที่จะทำความเข้าใจเกี่ยวกับกรดอะมิโนว่าประกอบไปด้วยอะไรบ้าง ?
กรดอะมิโนจำเป็น
กรดอะมิโนมาตรฐานที่มีประมาณ 20 ตัวนั้นจะมีอยู่ 9 ตัวที่เป็นกรดอะมิโนจำเป็น เพราะว่ามันไม่สามารถสังเคราะห์ได้ในร่างกาย แต่จะได้จากการย่อยอาหารที่เรารับประทานเข้าไป ซึ่งกรดอะมิโนจำเป็นในมนุษย์ ได้แก่
ไลซีน : ช่วยสร้างพลังงาน ฮอร์โมน คอลลาเจน และอีลาสติน รวมทั้งช่วยในการสังเคราะห์โปรตีน การดูดซึมของแคลเซียม และเสริมการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน
ลิวซีน : ช่วยเสริมสร้างและซ่อมแซมกล้ามเนื้อที่สึกหรอ ฟื้นฟูบาดแผล รักษาระดับน้ำตาลในเลือด
ไอโซลิวซีน : ช่วยในกระบวนการเปลี่ยนแปลงพลังงานในกล้ามเนื้อ และการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน
เมไทโอนีน : ช่วยในการทำงานของระบบเผาผลาญ การกำจัดสารพิษออกจากร่างกาย และการเจริญเติบโตของกล้ามเนื้อ รวมทั้งช่วยในการดูดซึมแร่ธาตุในร่างกาย
ฟีนิลอะลานีน : จำเป็นต่อการสร้างสารสื่อประสาทในสมองหลายชนิด มีส่วนสำคัญในโครงสร้างของโปรตีนและช่วยในการผลิตกรดอะมิโนชนิดอื่น ๆ
ทรีโอนีน : ช่วยสร้างโปรตีนอย่างคอลลาเจนและอีลาสติน ช่วยในการเผาผลาญไขมัน การทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน และช่วยให้เลือดแข็งตัว ป้องกันเลือดออกผิดปกติ
ทริปโตเเฟน : เป็นสารตั้งต้นในการสร้างเซโรโทนิน ซึ่งเป็นสารสื่อประสาทที่ควบคุมความอยากอาหาร การนอนหลับ และอารมณ์ ช่วยรักษาสมดุลของไนโตรเจนในร่างกาย
วาลีน : ช่วยในการสร้างพลังงาน เสริมสร้างการเจริญเติบโตของกล้ามเนื้อและการสร้างเนื้อเยื่อใหม่
ฮิสทิดีน : ช่วยเสริมสร้างการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน ระบบย่อยอาหาร การนอนหลับ
กรดอะมิโนไม่จำเป็น
กรดอะมิโนไม่จำเป็นที่เหลือนั้น สามารถสังเคราะห์ได้จากกรดอะมิโนอื่น ๆ ในร่างกายกรดอะมิโนที่ไม่จำเป็น ได้แก่
อะลานีน : ช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด และลดอาการต่อมลูกหมากโต
อาร์จินีน : ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน ช่วยขยายหลอดเลือด เพิ่มสมรรถภาพทางเพศ เสริมสร้างกล้ามเนื้อ ช่วยเผาผลาญไขมันในร่างกาย และลดระดับคอเลสเตอรอลชนิดดี
แอสพาราจีน : กรดอะมิโนที่ไม่จำเป็นซึ่งร่างกายสามารถสร้างขึ้นเองได้
กรดแอสปาร์ติก : ช่วยในการขับแอมโมเนีย ซึ่งเป็นสารอันตรายออกจากร่างกาย ช่วยปกป้องระบบประสาทส่วนกลาง และยังช่วยเพิ่มความทนทานต่อการเหนื่อยล้าได้ด้วย
ซีสเทอีน : ช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระ และมีความจำเป็นสำหรับทารกและผู้สูงอายุ
กรดกลูตามิก : โดยทำหน้าที่เป็นสารสื่อประสาท มีบทบาทสำคัญในการเรียนรู้และจดจำเป็นเชื้อเพลิงให้แก่สมอง ช่วยจัดการกับแอมโมเนียส่วนเกิน
กลูตามีน : เป็นส่วนหนึ่งของกลูต้าไธโอน มีส่วนช่วยให้ฉลาดขึ้น และช่วยเพิ่มระดับของโกรทฮอร์โมน
ไกลซีน : ช่วยรักษาภาวะต่อมใต้สมองทำงานน้อย รักษาโรคกล้ามเนื้อฝ่อลีบ รักษาภาวะน้ำตาลต่ำ
โพรลีน : กรดอะมิโนที่มีอยู่ในคอลลาเจนที่ประกอบเป็นเนื้อเยื่อผิวหนัง มีส่วนช่วยปรับโครงสร้างผิว บำรุงผิวชุ่มชื้น
เซอรีน : ช่วยเผาผลาญไขมัน เพิ่มการเจริญเติบโตของเนื้อเยื่อ และระบบภูมิคุ้มกันในร่างกาย
ไทโรซีน : ช่วยส่งเสริมการทำงานของต่อมหมวกไต ต่อมใต้สมอง ต่อมไทรอยด์ และช่วยรักษาอาการซึมเศร้า
เมื่อใดก็ตามที่ร่างกายขาดโปรตีน (กรดอะมิโนจำเป็น) อาจทำให้สูญเสียมวลกล้ามเนื้อ การเจริญเติบโตไม่เป็นไปตามเกณฑ์ การทำงานของหัวใจ ภูมิคุ้มกัน และระบบทางเดินหายใจอ่อนแอ สำหรับคนทั่วไปที่มีการกินอาหารที่มีโปรตีนเพียงพอก็จะได้รับกรดอะมิโนจำเป็นมากพอ และไม่มีการขาดโปรตีนแต่อย่างใด
โปรตีนเป็นสารที่มีขนาดใหญ่ โครงสร้างของโปรตีนจะประกอบด้วยหน่วยย่อยคือ กรดอะมิโน (Amino Acid) จำนวน 20 ตัว และเชื่อมกรดอะมิโนให้เรียงต่อกันเป็นสายยาวด้วยพันธะเปปไทด์ ความแตกต่างระหว่างโปรตีน และ เปปไทด์ คือ ขนาดและโครงสร้าง
ขนาด : โปรตีนประกอบด้วยกรดอะมิโน 20 ตัว ในขณะที่เปปไทด์ประกอบด้วยกรดอะมิโนตั้งแต่ 2 ขึ้นไป จึงทำให้เปปไทด์มีขนาดเล็กกว่าโปรตีน
โครงสร้าง : โปรตีนเกิดจากการเชื่อมต่อกันของกรดอะมิโนเป็นสายยาว ในขณะที่เปปไทด์เกิดจากการรวมตัวของกรดอะมิโนไม่กี่ตัว บางครั้งจึงอาจเรียกได้ว่า โปรตีนเกิดจากการเชื่อมต่อกันของเปปไทด์ด้วย ดังนั้นกรดอะมิโนจึงเป็นหน่วยย่อยที่สุดของโปรตีน เมื่อกรดอะมิโนเชื่อมต่อกันสั้น ๆ จะเรียกว่าเปปไทด์ แต่ถ้ากรดอะมิโนจำนวนมากเชื่อมต่อกัน หรือเปปไทด์เชื่อมต่อกัน จะเรียกว่าเป็นโปรตีนนั่นเอง
กล่าวโดยสรุป โปรตีนเป็นโมเลกุลที่มีขนาดใหญ่ที่สุด ที่ประกอบด้วยกรดอะมิโนจำนวนมากเชื่อมต่อกันด้วยพันธะเปปไทด์ ในขณะที่เปปไทด์ประกอบด้วยกรดอะมิโนเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
โปรตีนจะถูกดูดซึมเข้าสู่ร่างกายผ่านทางลำไส้ แต่สารที่ดูดซึมเข้าไปไม่ใช่โปรตีน ร่างกายจะต้องย่อยโปรตีนให้กลายเป็นกรดอะมิโนก่อนจึงจะดูดซึมและนำไปใช้งานต่อได้ เปปไทด์ในอาหารส่วนใหญ่จะถูกย่อยสลายในระบบทางเดินอาหารจนกลายเป็นกรดอะมิโนธรรมดา จากนั้นจะถูกลำเลียงเข้าสู่กระแสเลือด และส่งต่อไปที่อวัยวะต่าง ๆ ในร่างกายของเรา
โครงสร้างทางเคมีของกรดอะมิโน จะประกอบด้วย 4 ส่วนที่เชื่อมกันด้วยพันธะเปปไทด์
หมู่คาร์บอกซิล (-COOH) บ่งชี้ความเป็นกรดของกรดอะมิโน
หมู่อะมิโน (-NH2) บ่งชี้ความเป็นเบสของกรดอะมิโน
หมู่ R เป็นหมู่ฟังก์ชันอื่น ๆ หรือ โซ่ข้าง จะบ่งชี้ความแตกต่างของชนิดอะมิโน เพราะกรดอะมิโนแต่ละชนิดจะมีหมู่ R ไม่เหมือนกัน
ไฮโดรเจน (H) เป็นธาตุที่สำคัญสำหรับสิ่งมีชีวิต
หมู่ R แทน side chain หรือหมู่ฟังก์ชัน ซึ่งมีความเฉพาะสำหรับกรดอะมิโนแต่ละตัว กรดอะมิโนสามารถแบ่งตามคุณสมบัติของหมู่ฟังก์ชันได้เป็น
หมู่ R ที่โมเลกุล มีขั้วและไม่มีประจุ
หมู่ R ของกรดอะมิโนพวกนี้จะทำให้กรดอะมิโนละลายน้ำได้ดี โดยการสร้างพันธะไฮโดรเจนกับน้ำ ตัวอย่างของกรดอะมิโนกลุ่มนี้ ได้แก่ เซอรีน ทรีโอนีน ซิสตีอีน มีไธโอนีน กลูตามีน แอสพาราจีน
หมู่ R มีประจุ
เป็นกรดอะมิโนที่ชอบน้ำมาก และสามารถแบ่งเป็น
หมู่ R มีประจุลบ ได้แก่ กรดแอสปาร์ติก และกลูตาเมต โดยจะแตกตัวให้ประจุลบที่ pH7
หมู่ R มีประจุบวก ได้แก่ ไลซีน อาร์จินีน ฮิสทิดีน โดยจะแตกตัวให้ประจุบวกที่ pH7
หมู่ R เป็นโมเลกุลที่ไม่มีขั้ว
เป็นโมเลกุลที่ไม่มีขั้ว และไม่ชอบน้ำ (hydrophobic) ได้แก่ ไกลซีน อะลานีน วาลีน ลิวซีน ไอโซลิวซีน และ โพรลีน กรดอะมิโนเหล่านี้มีบทบาทในการทำปฏิกิริยากับส่วนที่ไม่ชอบน้ำของโปรตีน และสามารถช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นของโปรตีนได้ด้วย
กรดอะมิโนจำเป็นมีความสำคัญต่อร่างกาย เช่น สังเคราะห์โปรตีน เสริมสร้างและซ่อมแซมเนื้อเยื่อ และเสริมการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน โดยปกติคนทั่วไปจำเป็นต้องได้รับกรดอะมิโนจำเป็นอย่างเพียงพอ มิฉะนั้นอาจต้องกินอาหารเสริมที่มีส่วนผสมของกรดอะมิโนเพื่อให้ร่างกายของเราทำงานได้ตามปกติ
อาหารเสริมที่เราจะแนะนำให้รู้จักในที่นี้ คือผลิตภัณฑ์ Plant-Based Protein อาหารเสริมที่มีส่วนประกอบมาจากพืช เป็นหนึ่งในวิธีที่สามารถดูแลสุขภาพ เพิ่มพลังงาน เสริมการซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอของร่างกาย และยังสามารถป้องกันโรคเรื้อรังต่าง ๆ ได้อีกด้วย
สำหรับผู้ที่อยากริเริ่มธุรกิจอาหารเสริม แต่ยังไม่รู้จะเริ่มอย่างไร ไว้ใจ Derma Health เป็นผู้เชี่ยวชาญทางด้านการผลิตอาหารเสริมทุกประเภท พร้อมยินดีให้คำปรึกษาแก่คุณ หากสนใจสามารถติดต่อได้ที่
6 พ.ค. 2567
13 พ.ค. 2567
2 พ.ค. 2567
13 พ.ค. 2567