Last updated: 26 ก.ค. 2566 | 16279 จำนวนผู้เข้าชม |
นมผึ้ง หรือ รอยัลเยลลี (Royal Jelly) คือ เป็นผลผลิตที่หลั่งออกมาจากต่อมไฮโปฟาริงจ์ (Hypopharyngeal Gland) ของผึ้งงาน นมผึ้งมีลักษณะเป็นครีมสีขาวคล้ายนมข้นหวาน มีรสหวาน และมีกลิ่นเปรี้ยวเล็กน้อย นมผึ้งเป็นอาหารหลักของผึ้งนางพญาและตัวอ่อนผึ้งช่วยในการกระตุ้นการเจริญเติบโต
นมผึ้งอุดมไปด้วยสารอาหารต่างๆที่มีประโยชน์ ได้แก่ โปรตีน วิตามิน เกลือแร่ และกรดอะมิโน นอกจากนี้ยังพบสารอื่นๆ ในนมผึ้ง ได้แก่ สารแอซิติลโคลีน (Acetylcholine) ซึ่งเป็นสารสื่อประสาท ทำหน้าที่เกี่ยวกับทางด้านความรู้สึก และกลไกการทำงานของร่างกาย รวมถึงฮอร์โมนเพศ นอกจากนี้นมผึ้งยังมีสรรพคุณมากมาย ไม่ว่าจะเป็น ช่วยกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันในร่างกาย หรืออาจจะมีส่วนช่วยในการบรรเทาอาการของผู้ที่เป็นวัยทองได้ด้วย
นมผึ้งมีคุณสมบัติในการช่วยปรับสมดุลการทำงานของฮอร์โมน สามารถกระตุ้นการผลิตฮอร์โมนเอสโตรเจน หรือฮอร์โมนเพศหญิง ซึ่งช่วยในเรื่องผิวพรรณ ส่งผลให้ผิวพรรณดูสวยใสมากยิ่งขึ้น
มีการทดลองในสัตว์พบว่า โปรตีนหลัก (MRJPs) และกรดไขมันในนมผึ้งมีฤทธิ์ในการต้านจุลชีพ เชื้อแบคทีเรียและไวรัส นมผึ้งจึงมีส่วนช่วยในการลดการติดเชื้อและช่วยเสริมสร้างการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันได้
นมผึ้งอาจเข้าไปช่วยในกระบวนการสร้างคอลลาเจน กระตุ้นการสร้างเซลล์ใหม่ ส่งผลให้ผิวมีความชุ่มชื้น เต่งตึง อ่อนเยาว์ สุขภาพผิวดีขึ้น และช่วยป้องกันความเสียหายของผิวหนังที่ถูกทำลายจากแสงยูวี
นมผึ้งมีส่วนประกอบของกรดไขมันสายกลาง (Medium Chain Fatty Acid) และสารประกอบที่มีคุณสมบัติในการช่วยลดไขมันในเลือด ซึ่งได้มีการศึกษาโดยให้ผู้หญิงวัยทองสุขภาพดีจำนวน 36 คน รับประทานนมผึ้งปริมาณ 150 มิลลิกรัม เป็นเวลา 3 เดือน โดยได้มีการตรวจปัจจัยเสี่ยงที่อาจทำให้เกิดโรคหลอดเลือดและหัวใจ รวมถึงระดับไขมันในเลือดทั้งก่อนและหลังการทดลอง ผลการทดลองพบว่ามีการเปลี่ยนแปลงของระดับไขมันในเลือดอย่างมีนัยสำคัญ โดยที่ระดับคอเลสเตอรอลชนิดไม่ดี (LDL) ลดลง 4.1% ระดับคอเลสเตอรอลชนิดที่ดี (HDL) เพิ่มขึ้น 7.7% และระดับคอเลสเตอรอลรวม (TC) ลดลง 3.09% จากผลการทดลองอาจบอกได้ว่าการรับประทานนมผึ้งอาจมีส่วนช่วยลดระดับไขมันในเลือดได้
นมผึ้งอาจมีส่วนช่วยในการบรรเทาอาการวัยทอง เช่น อาการซึมเศร้า อาการปวดหลัง ความจำเสื่อม หรืออาการวิตกกังวลได้ โดยมีการศึกษาที่พบว่า นมผึ้งมีประสิทธิภาพในการเพิ่มความจำและลดภาวะการมีอาการซึมเศร้าได้ นอกจากนี้ยังมีการทดลองที่พบว่า นมผึ้งช่วยบรรเทาอาการวิตกกังวลและอาการปวดหลังได้ นมผึ้งจึงมีส่วนช่วยในการลดอาการที่เกิดกับผู้ที่เป็นวัยทองได้
ช่วยในการควบคุมระดับน้ำตาล โดยช่วยลดสภาวะเครียดออกซิเดชันและการอักเสบของผู้ป่วยเบาหวาน ซึ่งได้มีการศึกษาในมนุษย์ที่มีสุขภาพดี ได้รับนมผึ้งทุกวันเป็นเวลา 6 เดือน พบว่า น้ำตาลในเลือดลงถึง 20%
นมผึ้งอุดมไปด้วยสารอะซีติลโคลีน (Acetylcholine) ซึ่งเป็นสารสื่อประสาทที่มีบทบาทสำคัญในการช่วยส่งเสริมกระบวนการทำงานเกี่ยวกับการคิด ความจำ หรือความสามารถของสมองในการเก็บข้อมูลชั่วคราว หากได้รับสารนี้เพิ่ม ก็จะสามารถช่วยลดอัตราเสี่ยงต่อการเกิดโรคความจำเสื่อม ช่วยบำรุงสมองและระบบประสาท ช่วยให้สมองแข็งแรงและทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยมีการศึกษาในหนูทดลองที่ได้รับนมผึ้ง แล้วพบว่าหนูกลุ่มที่ได้รับนมผึ้งมีระดับฮอร์โมนความเครียดต่ำกว่า ระบบประสาทส่วนกลางแข็งแรงกว่า มีความจำดีขึ้น และมีอาการซึมเศร้าลดลง เมื่อเทียบกับกลุ่มที่ไม่ได้รับนมผึ้ง
นมผึ้งช่วยต่อต้านการอักเสบและต้านอนุมูลอิสระ มีการศึกษาการทดลอง พบว่า กรดไขมัน กรดอะมิโนจำเพาะ และสารประกอบฟีนอลิก (Phenolic Compound) ในนมผึ้ง มีฤทธิ์ในการช่วยต้านอนุมูลอิสระ และมีส่วนช่วยในการยับยั้งสารเคมีที่ก่อให้เกิดการอักเสบที่หลั่งจากเซลล์ในระบบภูมิคุ้มกัน
นมผึ้งมีฤทธิ์ในการต้านเชื้อแบคทีเรีย ซึ่งสามารถช่วยรักษาบาดแผลให้มีความสะอาดและปราศจากการติดเชื้อ โดยได้มีการศึกษาการทดลองในสัตว์ พบว่า หนูที่ได้รับนมผึ้งมีการผลิตคอลลาเจนมากขึ้น ซึ่งคอลลาเจนเป็นส่วนประกอบสำคัญของโครงสร้างผิว นมผึ้งจึงมีส่วนช่วยในการซ่อมแซมและสมานแผลผิวหนัง
การรับประทานนมผึ้งยังไม่มีการกำหนดปริมาณแนะนำที่ชัดเจน แต่มีงานวิจัยหลากหลายงานที่ใช้ปริมาณของนมผึ้งแล้วได้ผล คือ วันละ 300-6,000 มิลลิกรัม
นมผึ้งในรูปแบบของอาหารเสริม มักจำหน่ายอยู่ในรูปของแคปซูลและแบบซอฟต์เจล ซึ่งมักจะใช้ปริมาณนมผึ้งอยู่ที่ 500-3,000 มิลลิกรัมต่อแคปซูล/ซอฟต์เจล สำหรับขนาดที่แนะนำให้รับประทานต่อวันประมาณ 300-500 มิลลิกรัม หรือวันละ 1 แคปซูล/ซอฟต์เจล แนะนำให้รับประทานหลังอาหารเช้า (ไม่ควรทานในขณะที่ท้องว่าง เพราะอาจทำให้เกิดการระคายเคืองได้) แต่หากไม่เคยรับประทานนมผึ้งมาก่อน แนะนำให้เริ่มทานจากปริมาณน้อย ๆ ก่อน เพื่อป้องกันและหลีกเลี่ยงอาการแพ้และผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นอย่างรุนแรง
นมผึ้งมีน้ำเป็นส่วนประกอบหลัก 50-60% มีโปรตีนอยู่ 18% ซึ่งโปรตีนหลักคือ Major Royal Jelly Protein (MRJP) เป็นโปรตีนที่มีอยู่ในนมผึ้งเท่านั้น ประกอบไปด้วยกรดอะมิโนจำเป็นจำนวนมาก มีคาร์โบไฮเดรต 15% ไขมัน (Lipids) 3-6% เกลือแร่ 1.5% วิตามินซี กรดโฟลิก กรดอะมิโนต่าง ๆ สารแอซิติลโคลีน (Acetylcholine) และยังมีวิตามินและเกลือแร่อื่นๆ อีก นอกจากนี้ในนมผึ้งยังมีสารอาหารที่สำคัญ คือ กรดไขมัน HDA ที่สามารถพบได้เฉพาะในนมผึ้ง หากนมผึ้งมีกรดไขมันชนิดนี้อยู่มากจะถูกจัดเป็นนมผึ้งที่มีคุณภาพที่ดี
นมผึ้งเหมาะกับคนที่ต้องการปรับสมดุลฮอร์โมน โดยเฉพาะกับกลุ่มคนที่มีอาการวัยทอง และเหมาะกับกลุ่มคนที่ต้องการเสริมภูมิคุ้มกันเพื่อให้ร่างกายมีสุขภาพที่ดีขึ้น นอกจากนี้ยังเหมาะกับกลุ่มคนที่ต้องการให้ผิวดูมีสุขภาพที่ดีขึ้น ผิวดูอ่อนเยาว์กว่าวัย
สรุป นมผึ้ง หรือ รอยัลเยลลี (Royal Jelly) คือ เป็นผลผลิตที่หลั่งออกมาจากต่อมไฮโปฟาริงจ์ (Hypopharyngeal Gland) ของผึ้งงาน อุดมไปด้วยสารอาหารต่างๆที่มีประโยชน์ ได้แก่ โปรตีน วิตามิน เกลือแร่ และกรดอะมิโนต่าง ๆ และยังมีสารแอซิติลโคลีน (Acetylcholine) ซึ่งเป็นสารสื่อประสาท ทำหน้าที่เกี่ยวกับกลไกการทำงานของร่างกาย รวมถึงออร์โมนเพศ นมผึ้งมีสรรพคุณมากมาย ทั้งช่วยในเรื่องของการบำรุงผิวพรรณ ช่วยบรรเทาอาการวัยทอง ปรับสมดุลฮอร์โมนในร่างกาย ช่วยต้านการอักเสบและต้านอนุมูลอิสระได้อีกด้วย
Derma Health โรงงานผลิตอาหารเสริมแบบครบวงจร ควบคุมการผลิตโดยเภสัชกรและทีมนักวิทยาศาสตร์ผู้เชี่ยวชาญด้านอาหารเสริมโดยเฉพาะ รวมถึงนวัตกรรมเครื่องจักรที่ใช้ในการผลิตที่ทันสมัย ประสิทธิภาพสูง การันตีคุณภาพ และมาตรฐานความปลอดภัยระดับสากล ในทุกขั้นตอนการผลิต
21 ก.ย. 2566
18 ก.ค. 2566
27 พ.ย. 2566