Last updated: 22 พ.ย. 2565 | 51209 จำนวนผู้เข้าชม |
กลูต้าไธโอน หรือที่รู้จักกันสั้น ๆ ในชื่อ กลูต้า เป็นคำยอดฮิตที่คนรักสวยรักงาม ชื่นชอบการดูแลตัวเองต้องเคยได้ยินกันมาบ้าง สำหรับใครที่รักการบำรุงผิวพรรณคงจะรู้เกี่ยวกับกลูต้าไธโอนเป็นอย่างดีว่าช่วยบำรุงให้ผิวกระจ่างใส แต่บางคนที่เพิ่งเริ่มหันมาดูแลผิวอาจจะยังไม่แน่ใจว่านอกจากเรื่องผิวแล้วกลูต้าไธโอนยังมีประโยชน์อะไรอีกบ้าง วันนี้เราจะพาไปทำความรู้จักกันว่ากลูต้าคืออะไร? รวมทั้งรู้จักประโยชน์ของกลูต้า และอื่น ๆ อย่างละเอียดในบทความนี้ ไปดูกันเลย
กลูต้าไธโอน (Glutathione) เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ (Antioxidant) ในกลุ่มโปรตีนที่ประกอบด้วยกรดอะมิโน 3 ชนิด ซึ่งร่างกายของเราสามารถสังเคราะห์ออกมาได้เอง ส่วนใหญ่มักจะพบกลูต้าที่บริเวณตับ และส่วนอื่น ๆ ภายในร่างกาย โดยกลูต้าที่ร่างกายสังเคราะห์ออกมามีหน้าที่ปกป้องไม่ให้เนื้อเยื่อถูกทำลายจากอนุมูลอิสระ กระตุ้นภูมิคุ้มกัน รวมถึงยังช่วยตับขับสารพิษออกจากร่างกาย นอกจากนั้นระดับกลูต้าในร่างกายสามารถลดลงได้ตามอายุที่เพิ่มขึ้น ความเครียด สภาพแวดล้อมในการใช้ชีวิต เป็นต้น
นอกจากความโดดเด่นในด้านการต้านอนุมูลอิสระ กลูต้ายังสามารถช่วยปรับผิวให้กระจ่างใสขึ้น ทำให้กลูต้าถูกนำมาใช้ในเรื่องการบำรุงผิวทั้งรูปแบบการฉีดเข้าสู่ร่างกาย และการรับประทาน
ในปัจจุบันผลิตภัณฑ์ที่มีกลูต้าเป็นส่วนประกอบ มีหลายรูปแบบ ทั้งแบบเม็ดอัดแข็ง (Tablet) แคปซูล (Capsule) และแบบผงชงดื่ม กลูต้าไธโอนมีประโยชน์และมีสรรพคุณด้านอื่น ๆ ต่อร่างกายที่หลายคนอาจคาดไม่ถึง นอกจากเรื่องผิวแล้ว ประโยชน์อะไรบ้างที่เราจะได้รับจากกลูต้า?
สรรพคุณเด่นของกลูต้าที่เรามักรู้จักกันดีคือช่วยในเรื่องผิวให้สว่าง กระจ่างใสขึ้น โดยการทำงานของกลูต้าจะเข้าไปยับยั้งเอนไซม์ไทโรซิเนส (Tyrosinase) ซึ่งจะช่วยทำให้การสร้างเมลานิน (Melanin) ในผิวลดลง
อีกหนึ่งความสามารถของกลูต้าไธโอนนอกจากเรื่องผิวคือ กลูต้ายังช่วยเพิ่มการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันภายในร่างกาย ช่วยให้ร่างกายสามารถกำจัดสิ่งแปลกปลอม เชื้อโรค แบคทีเรีย ไวรัส ได้ดียิ่งขึ้น
กลูต้าเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่สำคัญต่อร่างกาย มีส่วนช่วยป้องกันความเสื่อมสภาพให้เซลล์ภายในร่างกาย ช่วยป้องกันไม่ให้เนื้อเยื่อถูกทำลาย ต้านการอักเสบ นอกจากนี้สารต้านอนุมูลอิสระยังป้องกันการเกิดโรคต่าง ๆ ได้อีกด้วย
กลูต้ายังช่วยฟื้นฟู และเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของตับให้สามารถทำงานได้ดีขึ้น นอกจากนี้ยังช่วยขจัดสารพิษออกจากร่างกาย โดยทำให้ให้สารพิษ เช่น โลหะหนัก สารระเหย ยาฆ่าแมลง ละลายในไขมัน และถูกกำจัดออกจากร่างกายได้ง่ายขึ้น
กลูต้าไธโอนเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ร่างกายสามารถสร้างขึ้นมาเองได้ และสามารถหารับประทานเพิ่มเติมได้ ในรูปแบบต่าง ๆ เพื่อสร้างเสริมและทดแทนปริมาณกลูต้าไธโอนในร่างกาย กลูต้าเป็นสารประเภทไตรเพปไทด์ (Tripeptide) ประกอบด้วยกรดอะมิโน 3 โมเลกุลต่อกันด้วยพันธะเพปไทด์ ได้แก่
ซิสเตอีน (cysteine) เป็นกรดอะมิโนชนิดไม่จำเป็นต่อร่างกาย แต่มีความจำเป็นต่อเด็กทารก ผู้สูงอายุ และผู้ที่มีปัญหาด้านเมตาบอลิซึมและการดูดซึมสารอาหารผิดปกติ
ไกลซีน (Glycine) เป็นกรดอะมิโนที่มีขนาดเล็กที่สุด และเป็นกรดอะมิโนชนิดไม่จำเป็น มีส่วนช่วยในการดูดซึมแคลเซียมของร่างกาย และช่วยทำให้เซลล์ผิวอุ้มน้ำ รักษาความยืดหยุ่นของผิวหนัง
กลูตามิค (Glutamic) เป็นกรดอะมิโนชนิดไม่จำเป็นที่พบมาที่สุดในโปรตีนตามธรรมชาติ มีส่วนช่วยในการทำงานของสมอง ด้านการเรียนรู้และจดจำ
กรดอะมิโนทั้ง 3 ชนิดในกลูต้าไธโอน จะมีหน้าที่หลักคือ เข้าไปช่วยชำระล้างสารพิษในร่างกาย ช่วยชะลอการเกิดปฏิกิริยาออกซิเดชัน ซึ่งเป็นสาเหตุของการเกิดอนุมูลอิสระ และช่วยกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายให้ทำงานได้ดียิ่งขึ้น
เราสามารถพบสารกลูต้าไธโอนในธรรมชาติได้ทั่วไปทั้งจากผัก ผลไม้ และเนื้อสัตว์ต่าง ๆ ที่เรารับประทานในชีวิตประจำวัน แล้วกลูต้าไธโอนมีอยู่ในอะไรบ้าง มาดูกัน
สำหรับใครที่ชื่นชอบในการรับประทานผลไม้สามารถพบกลูต้าไธโอนในผลไม้ได้จาก แอปเปิล ส้ม สตรอเบอร์รี่ เกรปฟรุต องุ่น แตงโม
ส่วนกลูต้าในเนื้อสัตว์พบได้ใน เนื้อหมู เนื้อวัว ปลาแซลมอน และยังมีอาหารอื่น ๆ ที่มีกลูต้าไธโอน เช่น โยเกิร์ต นม ไข่
นอกจากเราจะสามารถพบกลูต้าได้ในแหล่งอาหารธรรมชาติแล้ว ยังมีสารอาหารอื่น ๆ ที่สามารถช่วยเพิ่มปริมาณการสร้างกลูต้า เช่น Glutamine, Vitamin C, Vitamin B6, Vitamin B2 และ Whey Protein เป็นต้น
วิธีการรับประทานกลูต้าให้เกิดประโยชน์นั้นควรรับประทานในปริมาณที่เหมาะสม ไม่มากจนเกินไป โดยปริมาณที่เหมาะสมในการบริโภคกลูต้าไธโอนไม่ควรเกิน 1,000 มิลลิกรัมต่อวัน สำหรับการรับประทานกลูต้าไธโอนแนะนำให้ทานในช่วงที่ท้องว่าง เพื่อที่จะทำให้ร่างกายสามารถดูดซึมได้เป็นอย่างดี และควรดื่มน้ำตามมาก ๆ
อย่างที่ทราบกันดีว่าอาหารเสริมหลายชนิด หากใช้ในปริมาณที่มากเกินไป ก็มีโอกาสเกิดผลข้างเคียงได้ ซึ่งการทานกลูต้าเองก็เช่นกัน ผลข้างเคียงหลัก ๆ มักเกิดจากการรับประทานเกินปริมาณที่เหมาะสมโดยจะส่งผลเสียต่อไตของเรา ทำให้มีสารตกค้าง หรืออาจทำให้เกิดนิ่วที่ไตและกระเพาะปัสสาวะได้ นอกจากนั้นยังอาจทำให้เกิดอาการอื่น ๆ เช่น ปวดหัว มึนงง ตาพร่า เป็นต้น
สำหรับกลูต้าไธโอนในอาหารเสริมต่าง ๆ มีหลายรูปแบบสำหรับการรับประทานอย่างที่เคยบอกไว้ ทั้งแบบเม็ดอัดแข็ง แคปซูล และแบบผงชงดื่ม ซึ่งคงเกิดความสงสัยว่าแล้วแต่ละรูปแบบ มีความแตกต่างมากน้อยเพียงใดในเรื่องของประโยชน์
หากต้องการให้ได้ประโยชน์สูงสุดในการรับประทานกลูต้า ในรูปแบบเม็ดอัดแข็งจะเหมาะกว่าเพราะจะคงคุณภาพได้ดีกว่า นานกว่า รองลงมาก็จะเป็นรูปแบบแคปซูล ซึ่งผู้บริโภคสามารถเลือกรับประทานได้ตามความถนัด และความชื่นชอบของแต่ละบุคคล
วันนี้ทางเราขอแนะนำตัวอย่างผลิตภัณฑ์จาก Derma Health ที่มีส่วนผสมของกลูต้าไธโอนที่น่าสนใจ ได้แก่
ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวให้กระจ่างใส ชนิดแคปซูล ช่วยปกป้องผิวที่ต้องเผชิญมลภาวะต่าง ๆ ในชีวิตประจำวัน จาก Glutathione ผสานกับ Coenzyme Q10 และสารสกัดอื่น ๆ อีกมากมาย
ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวจากภายในให้กระจ่างใส ช่วยให้ผิวแข็งแรง จุดด่างดำดูจางลง ผิวแลดูเรียบเนียน ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน เต็มไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ มาในรูปแบบเม็ดอัดแข็งทานง่าย
ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวในรูปแบบแคปซูล ที่ช่วยลดการสร้างเมลานิน ให้ผิวดูเปล่งปลั่ง กระจ่างใสจากภายในสู่ภายนอก อุดมไปด้วย Collagen, Glutathione, Acerola Cherry Extract และสารสกัดอื่น ๆ ที่มีประโยชน์
หรือหากใครสนใจเกี่ยวกับอาหารเสริมกลูต้าไธโอน และอาหารเสริมอื่นๆ เพื่อจะดูแลตัวเอง รวมถึงมีความต้องการอยากจะผลิตอาหารเสริมเพื่อสร้างแบรนด์ของตัวเอง กำลังมองหาโรงงานผลิตอาหารเสริมที่ได้มาตรฐานอยู่ สามารถรับคำปรึกษา คำแนะนำดี ๆ จากเรา ผู้เชี่ยวชาญอย่าง Derma Health ที่พร้อมตอบคุณทุกข้อสงสัย เพราะเราเชี่ยวชาญอย่างแท้จริง เลือกผลิตอาหารเสริม เลือก Derma health “เราจะอยู่เคียงข้างคุณ ตั้งแต่เริ่มต้น จนคุณเป็นเจ้าของธุรกิจเครื่องสำอางอย่างสมบูรณ์แบบ”
17 มี.ค. 2566
10 พ.ย. 2565