คอลลาเจน (Collagen) บำรุงผิวสร้างผิวสวยได้ผลจริง ต้องกินอย่างไร ?

Last updated: 23 พ.ย. 2565  |  1225 จำนวนผู้เข้าชม  | 

คอลลาเจน (Collagen) บำรุงผิวสร้างผิวสวยได้ผลจริง ต้องกินอย่างไร ?

ในสังคมปัจจุบันผู้คนให้ความสนใจกับการดูแลผิวพรรณของตนเองเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะการใช้ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ส่งผลให้ท้องตลาดมีผลิตภัณฑ์อาหารเสริมคอลลาเจนจำนวนมาก และมีหลากหลายรูปแบบไม่ว่าจะเป็น คอลลาเจนกรอกปาก คอลลาเจนแบบชง คอลลาเจนแบบเม็ด เป็นต้น ด้วยคอลลาเจนที่ผลิตออกมามากและมีหลากหลายรูปแบบให้เลือก ทำให้หลาย ๆ คนสงสัยว่า คอลลาเจนช่วยในเรื่องอะไรบ้าง หรือการกินคอลลาเจนช่วยบำรุงผิวจริงหรือไม่? ในบทความนี้เราจะพามาไขข้อสงสัยเกี่ยวกับ “คอลลาเจน” บำรุงผิวสร้างผิวสวยจริงไหม? กินคอลลาเจนให้ได้ผลต้องกินอย่างไร? เราจะมาอธิบายอย่างละเอียดกันเลย

 

คอลลาเจน (Collagen) คืออะไร ?


คอลลาเจน (Collagen) คือโปรตีนชนิดหนึ่ง ประกอบด้วยหน่วยย่อยที่เป็นกรดอะมิโน โดยคอลลาเจนจะถูกสร้างขึ้นเมื่อผลิตภัณฑ์จากโปรตีน เช่น เนื้อสัตว์ ปลา หรือนม ที่รับประทานเข้าไปถูกย่อยสลายจนแตกตัว และก่อตัวขึ้นใหม่เป็นโปรตีนในลักษณะอื่น ๆ เช่น โปรตีนที่ช่วยในกระบวนการรักษาแผล ซ่อมแซมกล้ามเนื้อหรือก็คือคอลลาเจนนั่นเอง คอลลาเจนสามารถพบได้ตามกระดูก กระดูกอ่อน รวมถึงเนื้อเยื่อต่าง ๆ ในร่างกาย มีคุณสมบัติเสริมสร้างความแข็งแรง ความยืดหยุ่น และช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวหนัง 

 

ประโยชน์และสรรพคุณของคอลลาเจน 

  ด้านร่างกาย

คอลลาเจนจะช่วยเพิ่มความแข็งแรงให้กับเนื้อเยื่อต่าง ๆ เช่น คอลลาเจนบํารุงกระดูก เส้นเอ็น เอ็น ผิวหนัง ฟัน และโครงสร้างเนื้อเยื่อเกี่ยวพันอื่น ๆ รวมถึงเพิ่มความยืดหยุ่นและป้องกันอวัยวะต่าง ๆ ภายในร่างกาย  ช่วยให้อวัยวะทุกส่วนมีเนื้อเยื่อที่มั่นคง และคอลลาเจนยังช่วยรักษาความสมบูรณ์ของโครงสร้างและเชื่อมโครงสร้างอวัยวะต่าง ๆ เข้าด้วยกัน

  ด้านผิวพรรณ

ในด้านผิวพรรณ คอลลาเจนของคนเราจะอยู่ใต้ผิวหนังชั้นหนังแท้ ซึ่งจะเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดการสร้างเนื้อเยื่อ เสริมความแข็งแรงและความยืดหยุ่นของผิวหนัง ช่วยทำให้ผิวตึงกระชับ เรียบเนียน ชุ่มชื้น นอกจากนี้คอลลาเจนยังทำงานร่วมกับโปรตีนอีกชนิดหนึ่งนั่นคืออิลาสติน  โดยคอลลาเจนจะทำหน้าที่เสมือนโครงสร้างของผิวและทำให้ผิวเต่งตึง ขณะที่อิลาสตินคือช่วยสร้างความยืดหยุ่นให้กับผิว ไม่ทำให้ผิวเกิดริ้วรอย 

 

Collagen มีกี่ชนิด พบที่ใดในร่างกาย

คอลลาเจน Type I

คอลลาเจนประเภทที่ 1 (Type I) พบมากถึง 90% ของคอลลาเจนทั้งหมดในร่างกาย ช่วยในการเสริมความยืดหยุ่น การสมานแผล สามารถพบได้ในผิวหนัง เส้นผม กระดูก เนื้อเยื่อ และผนังหลอดเลือด  

คอลลาเจน Type II

คอลลาเจนประเภทที่ 2 (Type II) คอลลาเจนชนิดนี้พบมากในกระดูกอ่อน และข้อต่อ เช่น ส่วนประกอบของหู จมูก หลอดลม และกระดูกซี่โครง ช่วยกระตุ้นให้เกิดการสังเคราะห์ของเซลล์ให้มีจำนวนมากขึ้น เพื่อลดอัตราการเสื่อมของกระดูกอ่อนบริเวณข้อต่อ 

คอลลาเจน Type III 

คอลลาเจนประเภทที่ 3 (Type III) เป็นชนิดที่มักพบในผิวหนัง กล้ามเนื้อ ผนังหลอดเลือด และเนื้อเยื่อเกี่ยวพันในร่างกาย 

คอลลาเจน Type IV

คอลลาเจนประเภทที่ 4 (Type IV) พบมากในบริเวณเนื้อเยื่อที่หุ้มกล้ามเนื้อและไขมัน ช่วยการทำงานของระบบประสาทและเส้นเลือด

คอลลาเจน Type V

คอลลาเจนประเภทที่ 5 (Type V) เป็นองค์ประกอบของเยื่อบุเซลล์ต่าง ๆ พบในผิวของเซลล์ และเส้นผม

 

กินอาหารเสริมคอลลาเจนอย่างไรให้เกิดประโยชน์

  1. กินโปรตีนต่อวันให้เพียงพอ
    อย่างที่ทราบกันว่าคอลลาเจนคอลลาเจนคือโปรตีนชนิดหนึ่ง การรับประทานโปรตีนต่อวันให้เพียงพอก็จะช่วยสร้างคอลลาเจนได้ เนื่องจากร่างกายจะย่อยเป็นกรดอะมิโนเพื่อนำไปสร้างเป็นคอลลาเจนเพื่อเสริมสร้างสภาพผิว ข้อเข่า หรือมวลกระดูกนั่นเอง

  2. รับประทานอาหารที่เป็นแหล่งของวิตามิน
    การรับประทานอาหารที่เป็นแหล่งของวิตามิน เช่น วิตามิน C วิตามิน A วิตามิน E จะช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน และช่วยดูดซึมคอลลาเจนให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น

  3. ดื่มน้ำให้เพียงพอ
    การดื่มน้ำเปล่าให้เพียงพอต่อวัน วันละ 8-10 แก้ว หรือ 2 ลิตร จะช่วยเสริมสร้างคอลลาเจนในร่างกาย หากดื่มน้ำไม่เพียงพอการสร้างคอลลาเจนก็จะลดลงไปด้วย

  4. เลือกรูปแบบการกินคอลลาเจนให้เหมาะสม
    วิธีเลือกรูปแบบการกินคอลลาเจนให้เหมาะสมเป็นอีกหนึ่งวิธีที่ช่วยให้การกินอาหารเสริมคอลลาเจนเกิดประโยชน์ การเลือกคอลลาเจนแบบผงหรือแบบน้ำจะมีคุณสมบัติดูดซึมเร็วกว่าชนิดเม็ด และการกินคอลลาเจนไดเปปไทด์ก็เป็นอีกหนึ่งวิธีที่ช่วยให้ร่างกายดูดซึมและนำไปใช้งานได้อย่างรวดเร็วมากกว่าคอลลาเจนรูปแบบอื่น ๆ

  5. รับประทานในปริมาณที่พอดี
    การรับประทานคอลลาเจนในปริมาณที่พอดี ควรรับประทานตามฉลากที่ระบุไว้บนผลิตภัณฑ์และไม่ควรรับประทานติดต่อกันนานเกินไป เพราะอาจเกิดอันตรายได้หากรับประทานเกินขนาด โดยปริมาณคอลลาเจนที่ควรรับประทานต่อวันคือ 5-7 กรัม หรือ 5,000-7,000 มิลลิกรัม

  6. ปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิต
    สิ่งสำคัญในการรับประทานคอลลาเจนให้เกิดประโยชน์ เราต้องใส่ใจกับพฤติกรรมการใช้ชีวิตด้วย ไม่ว่าจะเป็นการพักผ่อนให้เพียงพอ หรือการรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ก็จะช่วยให้การกินคอลลาเจนได้ผลดียิ่งขึ้น หากเรามีความเครียด สูบบุหรี่ ดื่มแอลกอฮอล์ รวมถึงได้รับรังสี UV จากแสงแดดบ่อย ๆ สิ่งเหล่านี้จะเป็นปัจจัยให้คอลลาเจนเสื่อมสภาพหรือถูกทำลายได้ง่าย  

 

กินคอลลาเจนตอนไหนดี ?


คอลลาเจนควรกินเวลาไหน? การกินคอลลาเจนผิวใสให้ได้ผลมากที่สุด ควรเลือกช่วงเวลาที่ท้องว่างหรือหลังรับประทานอาหารไปแล้ว 3-4 ชั่วโมง เนื่องจากร่างกายสามารถดูดซึมคอลลาเจนได้อย่างมีประสิทธิภาพในช่วงเวลาท้องว่าง และไม่ถูกกรดในกระเพาะทำลาย

 

ตัวอย่างผลิตภัณฑ์อาหารเสริมคอลลาเจน

คอลลาเจนรูปแบบชงดื่ม Gluta Placenta Collagen 

ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมคอลลาเจนผิว Gluta Placenta Collagen ชนิดชงดื่ม ด้วยสารสกัดจากธรรมชาติ Collagen HACP คอลลาเจนหน่วยเล็กที่สุดจะช่วยเติมเต็มริ้วรอยร่องลึกแก่ผิว และมอบความกระจ่างใสด้วยสารสกัดจาก Strawberry สีขาวที่ช่วยปรับสภาพผิวให้เปล่งปลั่ง รวมถึงสารสกัดจากมะเขือเทศสีทองจะช่วยปกป้องผิวจากแสงแดด ช่วยลดการเกิดฝ้า กระ และจุดด่างดำ 

คอลลาเจนรูปแบบชงดื่ม Acerola Collagen


ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารชนิดชงดื่ม Acerola Collagen ด้วยสารสกัดจากอะเซโรลาเชอร์รี่ ที่จะช่วยเผยผิวกระจ่างใส อุดมไปด้วยสารสกัดจาก Collagen HACP ซึ่งเป็น Collagen หน่วยเล็กที่สุด ทำให้ดูดซึมได้อย่างล้ำลึกเพื่อให้ผิวเกิดความกระชับ นุ่ม น่าสัมผัส และกระจ่างใส ผสานด้วยกลูต้าไธโอนที่สกัดจากยีสต์ ประเทศญี่ปุ่น ช่วยยับยั้งการสร้างเม็ดสีเมลานิน เผยผิวกระจ่างใส เรียบเนียนและดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเจน รวมทั้งยังช่วยลดริ้วรอย ฝ้า กระ จุดด่างดำ และต้านสารอนุมูลอิสระ

 

คอลลาเจนแบบไหนเหมาะกับผู้สูงอายุ วัย 40+

ก็ไม่หวั่น

เมื่ออายุมากขึ้นร่างกายของคนเราจะสร้างคอลลาเจนน้อยลง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีอายุ 40 ปีขึ้นไป ดังนั้นเราจึงต้องรับประทานอาหารที่ช่วยสร้างคอลลาเจนใหม่ เพื่อเพิ่มคอลลาเจนให้กับผิว โดยการกินคอลลาเจนที่เหมาะกับวัย 40 ปีขึ้นไป มีวิธีรับประทานคอลลาเจนบำรุงผิวดังนี้

  1. ต้องกินโปรตีนควบคู่กับการกินคอลลาเจน
    คอลลาเจนเป็นโปรตีนชนิดหนึ่ง นักวิจัยพบว่าหากกินโปรตีนไม่เพียงพอปริมาณคอลลาเจนในผิวก็จะลดลง ดังนั้นเราจึงควรรับประทานโปรตีนให้เพียงควบคู่ไปกับการทานคอลลาเจนด้วย 

  2. รับประทานวิตามินที่ช่วยชะลอการสลายของคอลลาเจน
    จากการวิจัยพบว่า การรับประทาน วิตามิน C วิตามิน E และวิตามิน A จะช่วยชะลอการสลายตัวของคอลลาเจนได้ หากรับประทานคอลลาเจนควบคู่ไปกับวิตามินและโปรตีนให้เพียงพอต่อความต้องการในแต่ละวัน ก็จะช่วยเสริมสร้างผิวพรรณของเราให้ดียิ่งขึ้น

  3. เลือกคอลลาเจนที่ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในชั้นผิวการเลือกชนิดคอลลาเจนมีผลต่อการสร้างคอลลาเจนในชั้นผิว จากงานวิจัยประเทศเยอรมนีพบว่า การรับประทานคอลลาเจนชนิด Bioactive collagen peptide จะช่วยดูดซึมและไปกระตุ้นผิวให้สร้างคอลลาเจนเพิ่มสูงขึ้นกว่าปกติ 

โดยได้ทำการวิจัยในผู้หญิงวัย 35-65 ปี ให้กินคอลลาเจนชนิดนี้ประมาณ 2.5 กรัมต่อวัน ติดต่อกันเป็นเวลา 4-8 สัปดาห์ พบว่าผิวมีความยืดหยุ่นขึ้น ริ้วรอยรอบดวงตาจางลง 7%-20% การรับประทานคอลลาเจนชนิดนี้จึงสามารถไปกระตุ้นให้ร่างกายสร้างคอลลาเจนในชั้นผิวหนังขึ้นมาใหม่ได้

 

ตัวอย่างคอลลาเจนที่เหมาะกับผู้สูงอายุ วัย 40+

ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารชนิดชงดื่ม คอลลาเจนเปปไทด์ 100% จากประเทศญี่ปุ่น โมเลกุลเล็กกว่าคอลลาเจนธรรมชาติถึง 1,000 เท่า สกัดจากปลาน้ำจืด ผู้ที่แพ้อาหารทะเลสามารถรับประทานได้ ไม่มีรส ไม่มีกลิ่น ไม่มีสี สามารถดูดซึมเข้าร่างกายได้ง่าย ช่วยให้ผิวกระชับเต่งตึง ชุ่มชื้น ลดเลือนริ้วรอย ผิวเรียบเนียนใส รูขุมขนเล็กลง กระดูกแข็งแรง ผิวพรรณดูสุขภาพดี โดยคอลลาเจนชนิดผงชงดื่มจะดูดซึมได้ดีกว่าแบบเม็ด

 

ปริมาณคอลลาเจนที่ควรกินต่อวัน

ปริมาณคอลลาเจนที่ร่างกายต้องการต่อวันจะอยู่ที่ 5-7 กรัม หรือ 5,000-7,000 มิลลิกรัม หากรับประทานมากเกินไปอาจส่งผลอันตรายต่อร่างกาย

 

คอลลาเจนแบบไหนดี ยี่ห้อไหนปัง ควรเลือกอย่างไร ?

คอลลาเจนยี่ห้อไหนดี มีวิธีเลือกอย่างไรบ้าง? การพิจารณาเลือกดูองค์ประกอบของคอลลาเจน มีดังนี้

  1. เลือกชนิดคอลลาเจนที่ร่างกายสามารถดูดซึมและนำไปใช้ได้ อย่างเช่นคอลลาเจนไดเปปไทด์ หรือคอลลาเจนไตรเปปไทด์ โดยคอลลาเจนไดเปปไทด์คือคอลลาเจนที่มีโมเลกุลเล็กมาก ดูดซึมได้เร็ว และช่วยกระตุ้นการสร้างและซ่อมแซมเซลล์ผิวหนัง ขณะที่คอลลาเจนไตรเปปไทด์คือคอลลาเจนที่มีประสิทธิภาพฟื้นฟู และบำรุงส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย
  2. คอลลาเจนควรมีวิตามินผสมอยู่ด้วย เช่น วิตามิน C เพื่อช่วยเสริมการสังเคราะห์คอลลาเจนและดูดซึมคอลลาเจน วิตามิน B3 ที่ช่วยคงสภาพปกติของเยื่อบุทางเดินอาหาร และโปรไบโอติก เป็นต้น
  3. ควรเลือกคอลลาเจนที่มีส่วนประกอบสำคัญของสารอาหารอื่น ๆ เพื่อให้ร่างกายได้ประโยชน์ในด้านบำรุงผิวและข้อต่อ เช่น ไฮยาลูรอน ที่ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น ความยืดหยุ่น ให้กับผิวพรรณ
  4. ควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่ผ่านการรับรองจากอย.ไทย และควรมีฉลากโภชนาการ มีวันผลิตและหมดอายุ รวมถึงเลือกปริมาณคอลลาเจนในปริมาณที่พอดีต่อร่างกาย
  5. เลือกแบรนด์คอลลาเจนที่มีผลวิจัยรองรับ สามารถตรวจสอบหลักฐานการวิจัยได้

นอกจากนี้การเลือกรูปแบบผลิตภัณฑ์คอลลาเจนยังมีผลต่อการดูดซึม โดยคอลลาเจนชงดื่ม หรือคอลลาเจนแบบผงจะดูดซึมได้ดีกว่าคอลลาเจนเม็ด ทั้งนี้การเลือกรูปแบบการกินขึ้นอยู่กับความสะดวกและความชอบของแต่ละบุคคลด้วย

 

ช่วงอายุกับอัตราการเสื่อมของคอลลาเจน รู้ไว้ก่อน เตรียมตัวได้ดีกว่า

 

ตามธรรมชาติของร่างกายคนเรา เมื่อมีอายุเพิ่มมากขึ้นร่างกายจะมีการผลิตคอลลาเจนน้อยลง ในช่วงอายุ 20 ปี ผิวหนังเราจะประกอบไปด้วยคอลลาเจนประมาณ 75% แต่เมื่อเวลาผ่านไป ร่างกายจะค่อยๆ สูญเสียคอลลาเจนไปถึงปีละ 1.5% โดยเฉพาะคนที่มีอายุมากกว่า 30 ปี พบว่ามีการสังเคราะห์คอลลาเจนลดลง ส่งผลให้การเชื่อมต่อของเนื้อเยื่อส่วนต่าง ๆ อ่อนแอลง หนึ่งในสาเหตุที่ทำให้ผิวหนังมีริ้วรอย เหี่ยวย่น และขาดความยืดหยุ่น

อายุกับการเสื่อมของคอลลาเจน

  • อายุ 30-39 ปี ผิวจะเริ่มมีรอยย่นบาง ๆ หน้าผาก หางตาและใต้ตาจะมีริ้วรอยเล็ก ๆ รวมถึงมีรอยย่นระหว่างคิ้ว และมีริ้วรอยบาง ๆ ที่ร่องแก้ม ขนาดของรูขุมขนจะเห็นชัดขึ้น
  • อายุ 40-50 จะมีรอยย่นที่ชัดเจนมากขึ้นบริเวณหน้าผาก ระหว่างคิ้ว ใต้ขอบตาล่างและหางตา เกิดร่องแก้มลึก มีฝ้าชนิดลึกมากขึ้น สภาพผิวเริ่มแห้งและมีรูขุมขนใหญ่ รวมถึงเริ่มมีตกกระ
  • อายุ 60 ปี ขึ้นไป ผิวหนังจะหยาบกร้าน มีริ้วรอยทั่วใบหน้า และจะเริ่มเกิดปัญหาผิวหนังตามมา หรือโรคทางผิวหนัง

 

Hydrolyzed Collagen คืออะไร ?


ไฮโดรไลซ์คอลลาเจน (Hydrolyzed Collagen) คือ คอลลาเจนที่ผ่านกระบวนการย่อยมาบางส่วนแล้ว สามารถย่อยสลายได้ง่าย ดูดซึมได้ดี ไม่ก่อให้เกิดการแพ้ มีความปลอดภัยและไม่มีพิษต่อ Cell-line ในปัจจุบันนิยมนำไฮโดรไลซ์คอลลาเจนทำเป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหารชนิดรับประทาน เมื่อรับประทานไปแล้วระดับคอลลาเจนก็เพิ่มอัตราการดูดซึมในกระแสเลือดหากเทียบกับคอลลาเจนแบบดั้งเดิม (Native collagen) และมีคุณสมบัติในการพัฒนาผิวพรรณ เช่น เพิ่มความยืดหยุ่น ผิวเนียนนุ่ม กระชับขึ้น รวมถึงช่วยเติมความชุ่มชื้นให้กับผิวหนังชั้นนอก 

 

ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารชนิดชงดื่ม Peach Collagen จะช่วยบำรุง ฟื้นฟูสมองให้นอนหลับสนิทตลอดคืน อุดมไปด้วยสารสกัดที่ช่วยลดความเครียด ช่วยให้สมองผ่อนคลาย เพิ่มสมาธิ ลดอาการเหนื่อยล้าจากการทำงานหนัก และช่วยดูแลดวงตาจากการใช้งานอย่างหนัก ด้วยสารสกัดจาก Hydrolyzed Collagen Tripeptide ที่ผ่านการย่อยด้วยกรดจนได้ขนาดอนุภาคที่เล็กที่สุด L-Theanine, Acetyl-L- carnitine และผลไม้ตระกูลเบอร์รี

 

        โรงงานผลิตคอลลาเจน Derma Health เรารับผลิตอาหารเสริมคอลลาเจนเพื่อสุขภาพทุกประเภท ทั้ง OEM และ ODM รวมถึงรับผลิตคอลลาเจนทุกรูปแบบ ทั้งแบบผงชงดื่ม แบบเม็ด แบบแคปซูล แบบเจลลี่ เป็นต้น และเรายังมีบริการแบบครบวงจร ตั้งแต่การคิดค้น วิจัย พัฒนาสูตรโดยเภสัชกรและทีมนักวิทยาศาสตร์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง ใช้สารสกัดจากนวัตกรรมใหม่ ไม่ซ้ำแบบใคร นอกจากนี้เรายังรับบริการออกแบบโลโก้ ฉลากสินค้า ขึ้นทะเบียนผลิตภัณฑ์ รวมถึงมีทีมปรึกษาด้านกลยุทธ์ทางการตลาดอีกด้วย

ให้บริษัทรับผลิตอาหารเสริมคอลลาเจน Derma Health เป็นหนึ่งในทางเลือกการสร้างแบรนด์อาหารเสริมที่ดี มีคุณภาพสำหรับคุณ

“เราจะอยู่เคียงข้างคุณ ตั้งแต่เริ่มต้น จนคุณเป็นเจ้าของธุรกิจอาหารเสริมคอลลาเจนอย่างสมบูรณ์แบบ”

หากสนใจผลิตอาหารเสริมคอลลาเจน เรามีทีมพร้อมให้คำปรึกษาเกี่ยวกับการผลิตอาหารเสริมคอลลาเจนสร้างแบรนด์ สามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้