วิตามินอี (Vitamin E) สารพัดประโยชน์เพื่อสุขภาพและผิว

Last updated: 23 พ.ย. 2565  |  3658 จำนวนผู้เข้าชม  | 

วิตามินอี (Vitamin E)  สารพัดประโยชน์เพื่อสุขภาพและผิว

วิตามิน อี (Vitamin E) วิตามินพื้นฐานที่หลาย ๆ คนรู้จักกันดี ว่านอกจากจะดีต่อสุขภาพร่างกายแล้ว ยังมีผลดีด้านความงามอีกด้วย การเสริมวิตามิน อี เพื่อให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุด เราต้องมีความเข้าใจเกี่ยวกับความต้องการวิตามิน อี ในร่างกายก่อน เพื่อที่จะได้รับประทานวิตามิน อี ในปริมาณที่เพียงพอกับร่างกายต้องการ ลองมาทำความรู้จักวิตามิน อี ให้มากขึ้นกันค่ะ

 

วิตามิน อี (Vitamin E) คืออะไร ?

วิตามิน อี (Vitamin E) หรือ Tocopherol เป็นวิตามินชนิดหนึ่งที่ร่างกายผลิตเองไม่ได้  จำเป็นจะต้องได้รับจากการรับประทานเป็นวิตามินที่ละลายได้ในไขมันมีคุณสมบัติช่วยให้ร่างกายทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพต่อสู้กับความเจ็บป่วยได้ หน้าที่ที่สำคัญที่สุดของวิตามิน อี  คือ เป็นตัวแอนตีออกซิแดนท์ (Antioxidant) และยังเป็นตัวช่วยระบบกล้ามเนื้อและการทำงานของตับ  ถือได้ว่าวิตามินอี  มีส่วนช่วยบำรุงตับ ซึ่งตับต้องทำหน้าที่เกี่ยวกับเลือดมากมาย  วิตามิน อี จึงเป็นตัวช่วยสำคัญ ในการทำหน้าที่เกี่ยวกับเลือดของตับด้วย ทั้งนี้วิตามินอี ยังมีความสามารถในการ ต้านอนุมูลอิสระก่อให้เกิดความเสียหายในเซลล์และเป็นหนึ่งในสาเหตุหลักของริ้วรอยที่ดูแก่ก่อนวัย โดยมีการศึกษาวิจัยพบว่า การได้รับวิตามินอีที่เหมาะสมจะช่วยป้องกันและซ่อมแซมการสึกหรอของเส้นผม ผิว และเล็บได้ และยังช่วยยับยั้งการเสื่อมสภาพของผิวช่วยชะลอความแก่

 

รูปแบบของวิตามินอี

มีความหลากหลายมาก อาทิ ยาน้ำ แคปซูลชนิดนิ่ม อาหารทางการแพทย์ นมทางการแพทย์ วิตามินรวมซึ่งมีวิตามินอีประกอบอยู่ด้วย ครีมทาผิว โลชั่นบำรุงผิว และอื่น ๆ นอกจากนี้วิตามินอียังมีอยู่ในอาหารธรรมชาติ โดยเฉพาะในผักและผลไม้


เราจะได้รับวิตามิน อี จากไหนได้บ้าง ?

 

  วิตามินอีในอาหาร

วิตามิน อี สามารถพบได้ในน้ำมันพืช ถั่ว เมล็ดพืช และผักบางชนิด เช่น ผักโขม นอกจากนี้ยังเกิดขึ้นตามธรรมชาติในอาหารต่าง ๆ เช่น ไข่ เนื้อสัตว์ และธัญพืชไม่ขัดสี

  วิตามินอีในอาหารเสริม

วิตามิน อี ถูกนำมาใช้เป็นสารกันหืนในอาหาร และนำมาเป็นส่วนประกอบในผลิตภัณฑ์อาหารเสริมต่าง ๆ เพื่อช่วยบำรุงร่างกาย ป้องกันการเกิดโรค และบรรเทาความความแรงของภาวะต่าง ๆ

 

ตัวอย่างผลิตภัณฑ์อาหารเสริมที่มี Vitamin E

Jelly Strip Blink Blink Collagen ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร Jelly strip รวมที่สุดของสารสกัดในการบำรุงผิวพรรณอย่างล้ำลึก ช่วยดูแลในทุกชั้นผิวได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยสารสกัดที่เลือกใช้ได้ทำการคัดสรรทั้งคุณภาพ และประสิทธิภาพมาแล้วอย่างดี ไม่ว่าจะเป็น Peal tomato extract หรือสารสกัดจากมะเขือเทศสีเหลืองทอง ดูดกลืนแสงยูวี (UV absorption) ในช่วง UVA,UVB และปล่อยคลื่นแสงออกมาในช่วงแสงสีเขียว จึงช่วยลดการอักเสบของผิวหลังเจอแสงแดด อีกทั้งยังช่วยทำให้ผิวดูโกลว์ฉ่ำวาวแบบมีออร่า อีกทั้งยังมีสารสกัดทับทิมจากฝรั่งเศสและ Micronize coenzyme Q10 ซึ่งใช้เทคโนโลยีการผลิตในระดับนาโน จึงช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการดูดซึมสารสกัดได้ในระดับนาที จึงเห็นผลลัพธ์ด้านผิวขาวกระจ่างใสได้อย่างชัดเจน อีกทั้งคอลลาเจนที่เลือกใช้เป็นส่วนผสมในสูตรนี้ เป็นรูปแบบโมเลกุลคอลลาเจนที่เล็กและดูดซึมดีที่สุดในท้องตลาด ยิ่งไปกว่านั้นสารสกัดอื่นๆเพิ่มเติมในสูตร ต่างถูกคัดสรรมาเป็นอย่างดี ว่ามีส่วนช่วยดูแลและช่วยปกป้องผิวได้ทุกระดับชั้น เป็นสูตรอาหารเสริมที่รวมความเป็นที่สุดของสารสกัดจากทั่วทุกมุมโลก ผสมผสานเทคโนโลยีนำเข้าจากต่างประเทศ จึงทำให้ผู้บริโภคเมื่อรับประทานแล้ว จะเห็นผลลัพธ์ด้านผิวขาวกระจ่างใส ดูนุ่มชุ่มชื้น เรียบเนียนอย่างเป็นธรรมชาติจนถึงขีดสุด 

  วิตามินอีในครีมและเครื่องสำอาง

วิตามิน อี ถูกนำมาใช้เป็นสารกันหืนในอุตสาหกรรมเครื่องสำอาง และนำมาเป็นส่วนประกอบในผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง ครีมบำรุงผิว เนื่องจากคุณสมบัติของวิตามิน อี คือช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว ลดเลือนริ้วรอย รอยแผลเป็น ลดการอักเสบของผิว เป็นต้น

  วิตามินอีในยา

ทางด้านการแพทย์ วิตามิน อี ถูกในนำมาใช้เป็นยารักษาโรคโลหิตจางในทารกแรกคลอดเนื่องจากเม็ดเลือดแดงแตก โรคขาดสารอาหาร อาการปวดกล้ามเนื้อขาเวลาเดิน เป็นต้น รวมถึงมีส่วนช่วยต้านทานโรคภัยอื่น ๆ ได้อีกด้วย

 

ประโยชน์ของวิตามินอี (Vitamin E)

 

วิตามินอีในรูปแบบยา 

ช่วยรักษาโรคต่าง ๆ เช่น โรคขาดวิตามินอีในเด็ก ไปจนถึงโรคที่มีการนำวิตามินอีไปใช้นอกข้อบ่งใช้หลัก เช่น โรคปวดปลายประสาทจากการติดเชื้องูสวัด และโรคอัลไซเมอร์


วิตามินอีในรูปแบบอาหารหรือผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร 

ใช้เป็นสารกันหืนในอาหาร และใช้เป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเพื่อบำรุงร่างกาย


วิตามินอีในรูปแบบเครื่องสำอาง ใช้เป็นครีมบำรุงผิว เป็นสารกันหืน สารให้ความชุ่มชื้นแก่ผิว ใช้ผสมในครีมกันแดด เนื่องจากวิตามินอีสามารถกรองรังสี UVB ได้

 

วิตามินอี บำรุงผิวได้อย่างไร ?

  1. วิตามิน อี ในรูปแบบรับประทาน จะเริ่มบำรุงผิวหลังจากเริ่มรับประทานได้ 7-10 วัน

  2. วิตามิน อี ในรูปแบบการทา เมื่อทาวิตามิน อี ลงบนผิว วิตามิน อี บำรุงผิวได้ทันที เนื่องจากสามารถละลายได้ดีในน้ำมัน วิตามิน อี ช่วยคืนความชุ่มชื้นให้แก่ผิว พร้อมเสริมสร้างการทำงานของเกราะป้องกันผิว อีกทั้งวิตามิน อี มีคุณสมบัติต้านการอักเสบตามธรรมชาติที่สามารถบรรเทาและทำให้ผิวระคายเคืองลดลง

  3. เพื่อการเห็นผลที่ชัดเจนสามารถบำรุงผิวด้วยการรับประทานวิตามิน อี ควบคู่ไปกับการทาได้

 

ร่างกายคนเราต้องการวิตามินอีในปริมาณเท่าไหร่ต่อวัน ?

ปริมาณที่แนะนำโดยทั่วไปทั้งในเด็กและผู้ใหญ่ คือ

  • อายุ 1-6 เดือน รับประทาน 4 IU ต่อวัน

  • อายุ 6-12 เดือน รับประทาน 5 IU ต่อวัน

  • อายุ 1-3 ปี รับประทาน 6 IU ต่อวัน

  • อายุ 4-8 ปี รับประทาน 7 IU ต่อวัน

  • อายุ 9-13 ปี รับประทาน 11 IU ต่อวัน

  • อายุ 13 ปี ขึ้นไป รับประทาน 15 IU ต่อวัน


 

หากขาดวิตามินอีจะเกิดอะไรขึ้น

อาการที่สังเกตได้คือเรื่องประสาทการรับสัมผัส ผู้ที่ขาดวิตามินอีจะรู้สึกชา ส่วนอาการอื่น ๆ ที่เกิดจากการขาดวิตามินอี ได้แก่ ความผิดปกติทางระบบประสาท ระบบเลือด ระบบสืบพันธุ์

 

ถ้าได้รับวิตามินอีมากเกินไปจะเป็นอย่างไร ?

โดยปกติร่างกายคนเราจะสามารถทนกับวิตามินอีได้ค่อนข้างสูง และจะได้รับผลข้างเคียงเมื่อรับวิตามินอีที่ 800 IU อาการแสดงคือคลื่นไส้ อาเจียน ท้องเสีย อ่อนเพลีย มึนงง

 

ข้อควรระวังในการกินวิตามินอี

แม้ว่า วิตามิน อี จะเป็นวิตามินที่จำเป็นต่อร่างกาย แต่ก็ยังมีข้อควรระวังในการใช้งาน ดังนี้

  • เนื่องจากวิตามิน อี เป็นวิตามินที่ละลายในไขมัน สามารถสะสมได้ในร่างกาย หากรับประทานติดต่อกันเป็นระยะเวลานาน ทำให้เกิดการสะสมในร่างกายจนเป็นอันตรายได้

  • หากมีโรคประจำตัวที่มีการยารับประทานประจำอยู่ ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนทุกครั้ง เพื่อตรวจสอบว่ายาที่รับประทานอยู่เดิมทำปฏิกิริยากับวิตามิน อี หรือไม่ ยกตัวอย่างเช่น การใช้ยาต้านการแข็งตัวของเลือด ยาต้านไวรัส ยาเคมีบำบัดหรือยากดภูมิเป็นต้น ซึ่งอาจทำให้ยาที่ใช้อยู่ไม่ได้ผล เกิดอาการเลือดออกผิดปกติ หรืออาการข้างเคียงอื่น ๆ

 

การเก็บรักษาวิตามินอี

  1. เก็บอาหารเสริมไว้ในภาชนะกันแสง หลีกเลี่ยงที่ร้อนชื้นและที่เย็นจัด หากนำไว้ในตู้เย็นใต้ช่องฟรีซจะทำให้เสื่อมเร็ว

  2. วิตามินอีในผักผลไม้ หากนำไปปรุงสุกจะทำลายวิตามินอีให้เหลือน้อยลง รวมถึงการนำผลไม้ไปแช่แข็งก็เช่นกัน ทำให้วิตามินอีมีน้อยกว่าในผลไม้สด

 

เชื่อว่าทุกคนคงเห็นแล้วว่า วิตามิน อี มีความสำคัญและมีประโยชน์ต่อร่างกายของเราอย่างไรบ้าง อีกทั้งยังรู้แล้วว่า ร่างกายของเราควรรับประทานในปริมาณเท่าไร หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์สำหรับทุก ๆ คนนะคะ สุดท้ายอย่าลืมว่ายังมีสารอาหารอื่น ๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายของเราอีกมาก อ่านต่อได้ที่ บทความ วิตามินอาหารเสริม ที่จะช่วยบำรุงให้สุขภาพของเราดีขึ้น

     Derma Health โรงงานรับผลิตวิตามินอาหารเสริมมาตรฐานสากล เราเชี่ยวชาญการผลิตอาหารเสริมและพัฒนาในรูปแบบ ORM (Original Research Manufacturer) โดดเด่นด้านนวัตกรรมการผลิต นำเข้าสารสกัดจากทั่วโลก เพื่อสร้างผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ เรามีทีมการตลาดและทีมออกแบบมืออาชีพที่จะคอยอยู่เคียงข้างและให้คำปรึกษาลูกค้า เพื่อสามารถแข่งขันกับผลิตภัณฑ์อื่นในท้องตลาดได้

     หากสนใจผลิตวิตามินอาหารเสริม เรามีทีมพร้อมให้คำปรึกษาเกี่ยวกับการผลิตวิตามินอาหารสร้างแบรนด์ทุกรูปแบบ สามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้