Last updated: 23 พ.ย. 2565 | 71833 จำนวนผู้เข้าชม |
ในยุคที่ทุกคนมีความตื่นตัวด้านการรักษาสุขภาพมากขึ้น วิตามินอาหารเสริมจึงเป็นสิ่งที่หลาย ๆ คนมองหา โดยคนส่วนใหม่มักจะเลือกรับประทานวิตามิน ซี วิตามิน บี หรือวิตามิน อี แต่กลับมองข้ามวิตามิน ดี 3 ไป แต่ในความจริงแล้ววิตามิน ดี 3 เป็นวิตามินที่มีประโยชน์มหาศาลแบบที่คุณอาจคาดไม่ถึง Derma Health จะพากคุณไปทำความรู้จักกับวิตามิน ดี 3 มากขึ้นค่ะ
วิตามิน ดี 3 หรือ Vitamin D 3 คือ วิตามินที่ร่างกายสามารถสังเคราะห์เอง โดยการถูกกระตุ้นจากรังสี UVB ในแสงแดด หรือได้จากการรับประทานอาหารบางชนิด วิตามิน ดี 3 มีหน้าที่หลักในการช่วยดูดซึมแคลเซียม ช่วยให้กระดูกแข็งแรงและป้องกันโรคกระดูกบาง (Osteopenia) และกระดูกพรุน (Osteoporosis) นอกจากนี้ยังมีฤทธิ์ต้านการอักเสบ เสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้กับร่างกายอีกด้วย
การรับประทานวิตามิน ดี 3 อย่างต่อเนื่องจะช่วยเสริมภูมิคุ้มกัน ลดความเสี่ยงของการเป็นไข้หวัด ไข้หวัดใหญ่ และโรคติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจให้ร่างกายของเราได้ โดยการเข้าไปกระตุ้นเม็ดเลือดขาว ทำให้เม็ดเลือดขาวตอบสนองต่อเชื้อโรคและสิ่งแปลกปลอมได้ดียิ่งขึ้น อีกทั้งยังมีรายงานว่าเมื่อผู้ตืดเชื้อโควิด – 19 ได้วิตามินดีร่วมกับยารักษา จะช่วยให้ผู้ป่วยฟื้นตัวได้ดีขึ้นเกินกว่า 50% เพราะวิตามินดีจะช่วยต้านทานไม่ให้โรคลุกลามและรุนแรง ลดการอักเสบในปอด และช่วยให้การทำงานของปอดดีขึ้นโดยเมื่อหายจากการติดเชื้อ
“ซีโรโตนิน” เป็นสารเคมีที่สมองหลั่งออกมาเพื่อช่วยลดความเครียด หลับสบาย ลดความเสี่ยงที่ทำให้เกิดอาการซึมเศร้า เนื่องจากวิตามิน ดี 3 มีความสามารถกระตุ้นให้ร่างกายหลั่งสาร “ซีโรโตนิน” ได้ ทำให้นอนหลับของเรามีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น จึงส่งผลให้ร่างกายผลิตโกรทฮอร์โมน (Growth Hormone) ได้เพียงพอ ผิวพรรณของเราก็จะดูอ่อนกว่าวัย เปล่งปลั่ง เนียน ชุ่มชื้น นั่นเอง
แคลเซียม คือสารอาหารที่ช่วยบำรุงกระดูก ที่ต้องอาศัยวิตามิน ดี เป็นตัวกลางช่วยให้ลำไส้ดูดซึมแคลเซียมได้ดีขึ้น รวมถึงช่วยดักจับแคลเซียมที่ล่องลอยอยู่ในกระแสเลือดไปที่กระดูก เพื่อเสริมสร้างกระดูกให้แข็งแรงและหนามากขึ้น ทำให้ลดความเสี่ยงของมวลกระดูกพรุน
วิตามิน ดี 3 มีส่วนช่วยให้การไหลเวียนเลือดดีขึ้น ทำให้ร่างกายสดชื่น ไม่เหนื่อย ไม่เพลียง่าย สามารถลดการบาดเจ็บของกล้ามเนื้อ รวมถึงหากกล้ามเนื้อได้รับการบาดเจ็บจากการออกกำลังกาย ก็จะถูกซ่อมแซมได้เร็วมากขึ้นด้วย
หากร่างของเราได้รับวิตามิน ดี 3 ในปริมาณที่เพียงพอต่อความต้องการ จะช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดมะเร็งได้ โดยเฉพาะมะเร็งลำไส้ มะเร็งเต้านม และมะเร็งต่อมลูกหมาก
หากคุณเป็นคนหนึ่งที่มีพฤติกรรมดังต่อไปนี้
ผู้ที่มักอยู่ในที่ร่ม ผิวไม่ค่อยได้สัมผัสแดด
ผู้ที่ใช้ผลิตภัณฑ์ป้องกันแสงแดด
ผู้สูงอายุ เนื่องผิวหนังและไต มีประสิทธิภาพในการสร้างวิตามินดีลดลง
ผู้ที่มีผิวสีเข้ม
ผู้ที่มีน้ำหนักเกิน หรือมีไขมันสะสม
อาการเริ่มที่จะสามารถทำให้คุณรู้สึกได้ว่า คุณอาจจะกำลังขาดวิตามิน ดี 3 คือ อาการเหนื่อยง่าย อ่อนเพลีย ปวดกระดูก ปวดเมื่อยไม่ทราบสาเหตุ อาการในแต่ละคนมีความแตกต่างกันออกไป ไม่สามารถเจาะจงได้ ดั้งนั้นจึงควรเข้ารับการเจาะเลือดเพื่อตรวจหาระดับไฮดรอกซีวิตามินดี 25 (OH) D ในร่างกาย เพื่อผลลัพธ์ที่แน่ชัด หากผลออกมาพบว่าระดับวิตามินดีในเลือด น้อยกว่า 20 นาโนกรัมต่อมิลลิลิตร แสดงว่าคุณกำลังมีภาวะขาดวิตามิน ดี 3
ร่างกายจะสามารถสังเคราะห์วิตามิน ดี 3 ขึ้นมาได้หลักจากถูกกระตุ้นโดยแสงแดด ในช่วง 8.00-10.00 น. อย่างน้อย 30 นาที จนถึง 2 ชั่วโมง แต่วิธีนี่อาจทำให้เกิดปัญหาผิวคล้ำเสีย ฝ้า กระ จุดด่างดำ ตามมาได้
การรับประทานอาหารที่มีวิตามิน ดี 3 คืออีกหนึ่งวิธีที่ช่วยเพิ่มวิตามิน ดี 3 ให้กับร่างกายเราได้ โดยวิตามิน ดี 3 พบได้ในอาหารหลายชนิด รวมถึงยังสามารถพบวิตามิน ดี 3 ได้ในผลิตภัณฑ์อาหารเสริมบำรุงร่างกายอีกด้วย
อาหารที่มีวิตามิน ดี 3 สูง ได้แก่ อาหารจำพวกปลาแซลมอน น้ำมันตับปลา ไข่แดง เป็นต้น
การรับประทานอาหารเสริมวิตามิน ดี 3 ซึ่งเป็นทางเลือกที่ค่อนข้างสะดวกและทำให้มั่นใจได้ว่า ร่างกายของเราจะได้รับวิตามิน ดี 3 ในปริมาณที่เพียงพอต่อความต้องการ ทำให้ร่างกายของเรานำไปใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพและประโยชน์สูงสุด
ตัวอย่างผลิตภัณฑ์อาหารเสริมวิตามิน ดี 3
Immu Boosting Jelly Strip ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่ถูกออกแบบมาเพื่อเพิ่มภูมิต้านทานของร่างกาย ผสมผสานสารสกัดจากธรรมชาติที่มีผลการศึกษารับรองว่าช่วยกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกัน มีส่วนผสมของโสมสกัดรูปแบบพิเศษ ที่ช่วยเพิ่มการไหลเวียนของออกซิเจนเข้าสู่เซลล์ ทำให้เซลล์ระบบภูมิคุ้มกันสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งยังอุดมไปด้วย Yeast beta glucan, Elderberry, Acerola cherry, Emblica และ Finger root นอกจากนี้ในสูตรตำรับยังมีส่วนผสมของ วิตามิน C, Zinc amino acid chelate และวิตามิน D3
เนื่องจากเป็นวิตามินที่ละลายในไขมันได้ดี จึงควรทานระหว่างมื้ออาหาร หรือหลังอาหารเช้า/กลางวัน ไม่เกิน 30 นาที เพื่อให้ร่างกายสามารถดูดซึมวิตามินดีได้มากที่สุด ปริมาณวิตามิน ดี 3 ที่แนะนำสำหรับบุคคลทั่วไป แบ่งออกได้ตามช่วงอายุ ดังนี้
สำหรับเด็กทารก ปริมาณที่แนะนำต่อวัน 400 IU (10 ไมโครกรัม)
สำหรับเด็กและผู้ใหญ่ที่อายุไม่เกิน 70 ปี ปริมาณที่แนะนำต่อวัน 600 IU (15 ไมโครกรัม)
สำหรับผู้ใหญ่ที่อายุ 70 ปี ขึ้นไป ปริมาณที่แนะนำต่อวัน 800 IU (20 ไมโครกรัม)
เด็กแรกเกิด – อายุ 6 เดือน ปริมาณที่แนะนำต่อวัน 1000 IU (25 ไมโครกรัม)
อายุ 7-12 เดือน ปริมาณที่แนะนำต่อวัน 1,500 IU (38 ไมโครกรัม)
เด็กอายุ 1-3 ปี ปริมาณที่แนะนำต่อวัน 2,500 IU (63 ไมโครกรัม)
เด็กอายุ 4-8 ปี ปริมาณที่แนะนำต่อวัน 3,000 IU (75 ไมโครกรัม)
เด็กอายุ 9-18 ปี ปริมาณที่แนะนำต่อวัน 4,000 IU (100 ไมโครกรัม)
อายุมากกว่า 18 ปี ขึ้นไป ปริมาณที่แนะนำต่อวัน 4,000 IU (100 ไมโครกรัม)
หลังจากอ่านบทความนี้จบ หลาย ๆ คนคงเข้าใจแล้วว่าวิตามิน ดี 3 มีประโยชน์ที่มากกว่าการบำรุงกระดูก แต่ยังเป็นส่วนที่จะเข้ามาช่วยเสริมภูมิคุ้มกันในกับร่างกายของเรา ในช่วงที่การระบาดของเชื้อโควิด – 19 อีกด้วย แต่การจะดูแลสุขภาพร่างกาย ยังมีต้องมีสารอาหารอื่น ๆ ด้วย ร่างกายของเราจึงจะได้รับสารอาหารที่ครบถ้วนและเพียงพอ ที่จะเสริมสร้างให้สุขภาพร่างกายแข็งแรง สามารถอ่านต่อได้ที่บทความ วิตามินอาหารเสริม หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์ให้กับทุก ๆ คนนะคะ
Derma Health โรงงานรับผลิตวิตามินอาหารเสริมมาตรฐานสากล เราเชี่ยวชาญการผลิตอาหารเสริมและพัฒนาในรูปแบบ ORM (Original Research Manufacturer) โดดเด่นด้านนวัตกรรมการผลิต นำเข้าสารสกัดจากทั่วโลก เพื่อสร้างผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ เรามีทีมการตลาดและทีมออกแบบมืออาชีพที่จะคอยอยู่เคียงข้างและให้คำปรึกษาลูกค้า เพื่อสามารถแข่งขันกับผลิตภัณฑ์อื่นในท้องตลาดได้
หากสนใจผลิตวิตามินอาหารเสริม เรามีทีมพร้อมให้คำปรึกษาเกี่ยวกับการผลิตวิตามินอาหารสร้างแบรนด์ทุกรูปแบบ สามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
10 พ.ย. 2565
17 มี.ค. 2566